nuttaput.siam2web.com http://nuttaput.siam2web.com/

บทประะพันธ์เรื่อง  ยอดคนนพเก้า โดย ณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์

*ห้ามทำซ้ำ และดัดแปลง หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต 

สงวนลิขสิทธิ์โดย ณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์

วันนี้เสนอตอนแรก 

ตอนที่1

     เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น  หมู่นกกา กำลังบินออกจากรัง   ดวงอาทิตย์กำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อสาดแสงอันอบอุ่นให้แก่สิ่งมีชีวิตต่างๆบนโลก  และก็เป็นวันที่120 ในการทำงานของณัฐพัชร  โพธิสัตว์ กับบริษัทแห่งนี้    ซึ่งเขาจะทำเครื่องหมายตัวเลขเอาไว้ในปฏิทินที่บ้านอยู่เสมอ

ณัฐพัชร โพธิสัตว์ หรือแอท   และอีกชื่อหนึ่งที่คนในบริษัทมักจะเรียกเขาเป็นประจำนั่นก็คือ ญาณแอท         เป็นชายหนุ่มที่มีอดีตอันน่าสนใจอย่างมาก ทั้งในส่วนที่เหมือนเป็นความฝัน และส่วนที่เป็นความจริง   เพราะเขาเคยผ่านการทำงานมาหลายบทบาทและหลายสถานที่ทำงานที่มีความแตกต่างกัน ทั้งงานหนักงานเบา งานท้าทายและงานเรียบง่ายอย่างมากมาย  รวมทั้งงานบางอย่างที่เหมือนว่าเป็นเรื่องราวในความฝัน ที่เขามักจะฝันถึงมันอยู่เรื่อยๆ  แต่ความสามารถส่วนตัวที่เป็นจุดเด่นของณัฐพัชรเลย ก็คือ การพยากรณ์ ,การเล่นทำดนตรี การแต่งเพลง การเขียนบทสคริปต์และบทละครต่างๆ  ตลอดจนความที่เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ในสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ โดยมักจะเกิดเมื่อมีปัญหาเฉพาะหน้า หรือเห็นปัญหาแล้วเก็บมาคิดอยากช่วยเหลือผู้อื่น และความสามารถในการต่อสู้ทางการรบและการกีฬาอย่างน่าทึ่ง 

 

โดยณัฐพัชร โพธิสัตว์ ได้รับความเป็นมนุษย์กลายพันธ์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความบังเอิญ หรือความเป็นมาโดยกำเนิด คือตกจากที่สูงบ่อยๆ  มีเรื่องชกต่อยทำให้สลบบ่อยๆ โดนสัตว์มีพิษ แมลง จำพวกผึ้ง มด ยุงป่า ตะขาบ ต่อย  โดนไฟฟ้าดูดในตำแหน่งที่หน้าอกและที่สมอง ทำให้เขากลายเป็นพวกมนุษย์กลายพันธ์ ซึ่งแสดงออกทางดวงตา คือ เป็นคนมีปัญหาในการอ่านค่าสีบางสี เรียกชื่อสีผิด มองเห็นสีบางสีผิดปกติ  และมักมีโรคเลือดกำเดาไหลในตอนเด็กๆอยู่เสมอ  รวมทั้งมีพลังในการปรับตัวของร่างกายที่แปลกประหลาดโดยสามารถดูดซึมซับความสามารถจากสิ่งรอบข้างมาเป็นพลังของตัวเองในแบบใหม่ได้  เขาเคยถูกฝูงผึ้งป่าทั้งฝูงลุมต่อยไปทั้งตัวแต่เขาก็ไม่ตาย แค่บวมไปทั้งหน้า ทั้งตัว เพียงไม่กี่วันก็หายเป็นปกติ   แล้วเวลาก็ผ่านไปจนทำให้เขาลืมเลือนเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ไปในที่สุด   

        โดยผู้ที่นำณัฐพัชรไปพบเจอประสบการณ์ด้านการพยากรณ์ด้วยไพ่ยิปซี และงานด้านคอมพิวเตอร์คนแรกก็คือ เอ๊กซ์  ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นน้องที่เคยบุกเบิกกิจกรรมชมรม R.S.A. ที่ยิ่งใหญ่มาด้วยกันกับเพื่อนอีก2 คน คือ มาดและกิตติพร ในสมัยวัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งก็เป็นคนที่มีส่วนทำให้          ณัฐพัชรค้นพบพลังบางอย่างในตัวเอง  เพราะเอ๊กซ์ก็เป็นคนหนึ่งที่เกิดวันพุธ เช่นกัน

 

วันนี้ณัฐพัชร ก็นั่งรถสองแถวเพื่อมาทำงานที่บริษัท  โดยระหว่างทาง สัญญาณบางอย่างในตัวของณัฐพัชรได้บังเกิดขึ้น  เพราะเขากำลังรู้สึกว่าจะมีเหตุการณ์ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้   ประกายแสงบางอย่างเกิดขึ้นในสมองของณัฐพัชร

   เอ๊ะ  ทำไมเรารู้สึกไม่ค่อยดีเลย  เหมือนว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอน 

 

ณัฐพัชร คิดอยู่ในใจเพียงคนเดียว ขณะที่เขาก็มองจ้องหน้าผู้คนที่กำลังนั่งอยู่ในรถสองแถว ที่กำลังวิ่งไปด้วยความเร็ว อย่างชำนาญทางดี      

  พี่แอท  ถึงไหนแล้ว 

เสียงน้องแอ๋มคนสวยโทรมาถามณัฐพัชร  ที่กำลังนั่งอยู่ในรถสองแถว

 อ๋อ ใกล้จะถึงอยู่แล้ว  ทำไมหรือแอ๋ม  

ณัฐพัชร สงสัยเล็กน้อยว่าทำไมแอ๋มถึงโทรมาหาเขาในตอนเช้าแบบนี้

 เปล่าหรอก  หนูจะบอกว่าให้พี่ญาณ ช่วยซื้อแซนวิชด์ ไส้ปลาทูน่า ที่ปากซอยมาฝากหนูด้วย สามอัน เดี๋ยวค่อยมาเก็บเงินที่หนู  

แอ๋มพูดจบด้วยรอยยิ้มที่มุมแก้ม เพราะรู้ดีว่าพี่ญาณจะต้องตามใจเธอ เพราะญาณแอท รักเธอมาก

 เอ้าก็ได้  เดี๋ยวพี่จะซื้อไปให้นะ  

พูดจบณัฐพัชร ก็เตรียมหยิบเงินในกระเป๋าของเขามาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออีกที เพื่อเตรียมพร้อมเวลาลงรถจะได้ไม่ลืม หรือหยิบลำบาก   แต่ทันใดนั้นเอง สายตาของณัฐพัชร ก็เหลือบไปเห็นภาพควันไฟลุกไหม้ใกล้ๆท้องทุ่งที่ห่างจากถนนไปไม่เกิน 200 เมตร  โดยที่ผู้คนในรถและบริเวณแถบนั้นกลับเหมือนไม่มีใครมองเห็นภาพเหตุการณ์นั้นเลย   ณัฐพัชร จึงต้องกดออดรถเพื่อลงไปดูเหตุการณ์  เพื่อหาทางช่วยเหลือ  หากมีคนกำลังได้รับอันตรายจากเพลิงไหม้

  แอ๊ด 

       เสียง ออดรถดังขึ้น   ณัฐพัชร ลงจากรถแล้วรีบเอาเงินค่าแซนวิชด์ไปจ่ายเป็นค่ารถก่อน  ณัฐพัชร รีบวิ่งไปยังจุดที่เขาเห็นควันไฟโดยด่วน    มีแสงบางอย่างเปล่งประกายแผ่มายังตัวของณัฐพัชร  แต่เขามองไม่เห็น  เพราะด้วยจิตใจที่จดจ่อกับการจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

เหมือนมีบางสิ่งบางอย่าง กำลังจับตาดูพฤติกรรมของณัฐพัชร จากอีกที่หนึ่ง มันต้องเป็นสิ่งที่มีสติปัญญาสูงอย่างแน่ๆเลย

     อย่างเพิ่งตายนะครับ ผมกำลังจะรีบไปช่วยแล้ว  

ณัฐพัชรคิดในใจ พลางก็รีบมองหาจุดที่เป็นแหล่งกำเนิดควันไฟเหล่านั้น จนในที่สุดเขาก็เห็นมัน 

 นั่นเอง  

ณัฐพัชร อุทานด้วยความดีใจ  

แต่เขาหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เขากำลังจะเข้าไปช่วยนั้นมันคืออะไร กันแน่

ณัฐพัชร รีบวิ่งตรงไปยังจุดกำเนิดควันไฟในทันที

 มาแล้วนะ   อย่าเพิ่งเป็นอะไรกันนะครับ “   

เขาคิดอยู่ในใจ  พลางเอามือปาดเหงื่อที่เริ่มไหลย้อย เพราะด้วยความร้อนและเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนออกกำลังกายอยู่เสมอ  แต่ด้วยจิตใจที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น จึงทำให้เขารีบดิ้นรนหาทางช่วยจนได้

 นั่นมันอะไรกันเนี่ย   

ณัฐพัชร แปลกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็น  อยู่ตรงหน้า เพราะมันคือ วัตถุประหลาดขนาดใหญ่ คล้ายยานพาหนะบางอย่างแต่มีอุปกรณ์ใส่สิ่งของพิเศษ แลดูล้ำยุคไฮเทคมาก  ซึ่งกำลังลุกไหม้ มีไอควันออกมามากมาย แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่ไอควันเหล่านี้ ไม่ทำให้ณัฐพัชร รู้สึกระคายเคืองอะไรเลย แต่กลับรู้สึกดี หายเหนื่อย อย่างปลิดทิ้ง แถมยังรู้สึกหูตาดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน   

 เอ๊ะ นั่นมันอะไรนะ  ต้องหาไม้ยาวๆมาเขี่ยมันดูก่อน 

ณัฐพัชร มองเห็นวัตถุเหลวยืดยาว สีน้ำเงินดำ ไหลย้อยออกมาจากอุปกรณ์ใส่สิ่งของแปลกประหลาด แต่เขาไม่กล้าจะใช้มือจับ เพราะเกรงจะมีอันตราย จึงเดินไปหาไม้ยาวอันหนึ่งมาเขี่ยเจ้าวัตถุเหลวๆนั้น

 หึย น่าแขยง แต่ก็ดูสีสวยดีนะ เออแปลกดีแฮะ  

 

ณัฐพัชร รู้สึกขยะแขยง ตื่นเต้น และหวาดเสียวกับสิ่งที่เขากำลังใช้ไม้เขี่ยมันอยู่  ณัฐพัชร ใช้ไม้เขี่ยมาดูใกล้ๆ จนมองเห็นชัดเจน แต่แล้วสิ่งที่น่าแปลกก็เกิดขึ้นอีก เจ้าวัตถุเหลวๆอันนี้ ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็น ของแข็ง ไปในทันที  แต่พอณัฐพัชร เข้าไปมองใกล้ๆอีก

  เอ๊ะมันกลายเป็นของแข็งไปได้ยังไงเนี่ย  

 

มันกลับกลายเป็นกลุ่มควันสีประหลาด 9สี พวยพุ่งเข้าไปในร่างกายของณัฐพัชร ในที่สุด จนทำให้ณัฐพัชร ยืนแข็งทื่อตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างเหลือเชื่อ

 แย่แล้ว  มันเข้ามาอยู่ในตัวเราแล้ว  จะตายมั๊ยเนี่ย  

 

ณัฐพัชร ตกใจมาก กับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่ามันจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเขา  เขารีบถอยออกมา แล้วเดินวนรอบยานพาหนะแปลกประหลาดนี้ เพื่อดูให้แน่ใจว่าจะมีคนติดอยู่ข้างในหรือไม่ 

 

 เฮ๊ย ลืมไปเลย ต้องช่วยคนก่อน    จะมีคนติดอยู่ในนี้บ้างมั๊ยนะ 

 

ณัฐพัชร เดินดูรอบๆยานอย่างละเอียด จนเห็นว่าไม่มีคน เขาจึงค่อยๆเดินถอยออกมาแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ถนนเพื่อไปต่อรถไปทำงาน โดยณัฐพัชรได้โทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจมาดูที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบให้รู้ว่ามันคืออะไร โดยในใจลึกๆของเขาก็กังวลเกี่ยวกับกลุ่มควันที่เข้าสู่ร่างกายของเขาเช่นกัน

ในระหว่างที่ณัฐพัชร กำลังรอรถอยู่นั้น กลุ่มควันที่เข้าไปอยู่ในร่างกายของณัฐพัชร ก็ได้ปรับสภาพตัวเอง เนื่องจากได้รับสารเคมีจากพิษสัตว์ แมลง และคลื่นไฟฟ้าบางอย่างที่มีอยู่ในตัวของณัฐพัชร รวมทั้ง พลังงานลึกลับบางอย่างที่มีอยู่ในตัวของเขา จึง ทำให้กลุ่มควันเหล่านั้นเปลี่ยนสภาพกลายเป็นธาตุของเหลวบางอย่าง ที่กลายเป็นส่วนประกอบของระบบอวัยวะภายในร่างกายของณัฐพัชร อย่างลงตัว ทำให้ร่างกายของณัฐพัชร สมบูรณ์แข็งแรงและมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ โดยที่ตัวณัฐพัชรเองก็ไม่รู้

 

 เฮ๊ย แซนวิชด์ของน้องแอ๋ม จะหมดหรือยังนะ รถมาเร็วๆทีเถอะ 

 

ณัฐพัชร ลุ้นรอรถให้มารับโดยเร็ว แล้วรถสองแถวก็มาดังที่เขาต้องการ แต่แปลกตรงที่ว่าคนบนรถมีการแต่งกายที่แปลกประหลาด เหมือนไม่ใช่คนแถวๆนี้   ณัฐพัชร มองดูคนบนรถด้วยความอิจฉาในการแต่งตัว ทึ่งกับสไตล์เสื้อผ้า และรองเท้า รวมทั้งแว่นตาที่ใส่กันมาด้วย พอถึงปากซอยเข้าบริษัท ณัฐพัชร จึงลงจากรถ โดยจ่ายค่ารถตามปกติ แล้วก็หันไปมองคนบนรถสองแถวอีกที พร้อมด้วยรอยยิ้ม

 ขอให้ผมได้มีโอกาสใส่ชุดเท่ห์ๆ แบบพวกคุณบ้างเถอะครับ สาธุ   

 

ณัฐพัชร นึกในใจ ด้วยความชื่นชมต่อกลุ่มคนเหล่านั้น  แล้วเขาก็เดินไปซื้อแซนวิชด์ จากร้านเจ้าประจำ ซึ่งพอดีก็เหลือสองชุดสุดท้ายพอดีเลย  ณัฐพัชรจึงซื้อทั้งหมดและเดินเข้าไปที่บริษัท ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8.20 น.

 

 พี่ญาณมาแล้ว     

น้องแอ๋มสุดสวย ยิ้มหวาน เมื่อเห็นณัฐพัชร พร้อมด้วยถุงแซนวิชด์ที่เธอต้องการ

  ขอบคุณมากค่ะพี่ญาณ สุดหล่อ 

แอ๋มหยอดคำหวานใส่ณัฐพัชร จนทำให้ณัฐพัชรยิ้มอย่างประทับใจ

 ไม่เป็นไรจ๊ะ  เดี๋ยวเงินค่าแซนวิชด์แอ๋มให้พี่ตอนเที่ยงก็ได้นะ  หรือจะเปลี่ยนเป็นซื้อข้าวให้พี่กินดีล่ะ 

ณัฐพัชร พูดหยอกเย้า หว่านลูกจีบ แบบมีลูกล่อลูกชนใส่แอ๋มอย่าง สนุกสนานด้วยกันทั้งคู่

 งั้นหนูเลี้ยงข้าวพี่ญาณก็แล้วกันนะ 

 

แอ๋มรีบตอบกลับทันที

 โอเคได้เลยจ้า   เดี๋ยวพี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ  

 

ณัฐพัชร รู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาทันที   เขารีบเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็เริ่มอ๊วกออกมา เป็นของเหลวสีดำอัน แปลกประหลาด ในความรู้สึกของณัฐพัชรคือต้องการ กินน้ำผึ้ง หรือพวกเกสรดอกไม้ และต้องการอะไรที่คล้ายๆกับไฟช๊อต แล้วเขาก็ร้องโวยวาย ให้คนช่วยเขาด้วย

 ช่วยด้วย ผมจะเป็นลมแล้วครับ  

ทุกคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ข้างล่างหน้าห้องน้ำ  ต่างตกใจกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือของณัฐพัชร จึงได้เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู ก็ปรากฏเห็นณัฐพัชร เป็นลมล้มลงนอนไปกับพื้น พร้อมกับมีของเหลวสีดำออกมาจากปากของเขา  ทุกคนรวมทั้งน้องแอ๋มจึงแตกตื่นตกใจ และรีบโทรแจ้งผู้จัดการบริษัท บอกว่าณัฐพัชรไม่สบายเป็นลมล้มนอนในห้องน้ำที่บริษัท ขออนุญาตพาณัฐพัชรไปส่งโรงพยาบาล

 ท่านผู้จัดการ  พี่ญาณแกล้มลงไปนอนในห้องน้ำครับ  ครับเป็นลมหมดสติไปเลยครับ  

 

หนึ่งวันชนะ พูดอย่างใจหายใจคว่ำด้วยความที่เป็นห่วงต่อณัฐพัชร  เพื่อนร่วมงานคนสนิทของเขา

  ใช่ค่ะ ผู้จัดการ พอแกซื้อแซนวิชด์มาให้หนู  ยืนคุยกันอยู่ดีๆ พอแก ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แกก็เป็นลมไปเลยค่ะ 

แอ๋ม เล่าเรื่องตามความเป็นจริงให้กับผู้จัดการฟัง ด้วยความกังวลกลัวว่าผู้จัดการจะไม่อนุมัติ

 ไปเลย รีบพาพี่ญาณไปเลย   ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมจะดูให้เอง   โธ่หมอดูของผม แกเป็นอะไรของแกนะเนี่ย รีบไปเลย

ผู้จัดการออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดให้นำณัฐพัชรไปส่งที่โรงพยาบาลโดยทันที  เพราะโดยส่วนตัวแล้ว แกก็รักและผูกพันต่อณัฐพัชรมากเช่นกัน ด้วยความชื่นชมในความสามารถทางการดูดวงของณัฐพัชรมากนั่นเอง

 

เมื่อทุกคนนำตัวณัฐพัชรไปส่งโรงพยาบาล แล้วเข้าห้องตรวจสุขภาพร่างกาย หมอก็ให้ทุกคนนั่งรอผลการตรวจ และการรักษา     โดยภายในห้องตรวจสุขภาพ ทั้งเครื่องเอ๊กเซย์และเครื่องมืออื่นๆ นั้นก็ไม่พบความผิดปกติอะไรของร่างกายแต่กลับพบว่า ณัฐพัชร มีร่างกายที่แข็งแรงมาก เหมือนกับว่าณัฐพัชร เป็นยอดนักกีฬาโอลิมปิค หรือนักกีฬาอาชีพ หรือไม่ก็เป็นนักรบที่เก่งฉกาจ แต่ที่แปลกคือระบบสมองของณัฐพัชร ที่มีระดับพัฒนาการเพิ่มขึ้น  อีก อย่างไม่หยุด เหมือนสมองของเด็กๆแรกเกิด ที่พร้อมจะเรียนรู้ และรับพัฒนาการใหม่ๆได้เป็นอย่างดี  แต่ด้านสติความรู้สึกตัว ณัฐพัชรยังคงเหมือนเจ้าชายนิทรา นอนหลับสลบแน่นิ่ง อย่างไม่มีทางที่จะฟื้นขึ้นมาได้เลย 

 

เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายและจิตวิญญาณของณัฐพัชร โพธิสัตว์ ชายผู้นี้กันแน่   ของเหลวแปลกประหลาดที่อยู่ในร่างกายของเขา ทางการแพทย์ตรวจไม่พบ แต่กลับทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นมาก แล้วจิตวิญญาณของณัฐพัชร ไปอยู่ที่ไหน

 

ณัฐพัชร มารู้สึกตัวในดินแดนแห่งหนึ่ง ที่มีแต่สีขาว สีน้ำเงิน สีเขียว สีแดง สีชมพู สีเหลือง สีทอง  สีทับทิม และสีเงิน  ในที่นั้นมีเสียงแปลกประหลาดดังมาก แต่ไพเราะและอบอุ่น

 

 ณัฐพัชร โพธิสัตว์ หรือณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์ ผู้ลืมเลือนอดีตของตนเอง ที่เหมือนกับความฝัน 

ณัฐพัชร แปลกใจกับเสียงประหลาดมาก  และแปลกใจกับคำว่าลืมเลือนอดีตของตนเอง ที่เหมือนกับความฝัน และเสียงนั้นยังรู้จักชื่อของเขาอย่างดีด้วย

 เจ้าไม่ใช่คนบ้าบอ หรือปัญญาอ่อนอะไร แต่เจ้าเป็นคนพิเศษ ที่ผ่านการฝึกฝนมาด้วยความยากลำบาก อย่างหลากหลายวิธีการ ซึ่งจะหาน้อยคนมากนักที่จะทำได้เช่นเจ้า   เจ้าทดลองค้นคว้าเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อสิ่งทั้ง 9อย่าง และเจ้า ต้องการลืมอดีตบางอย่างที่เคยเจ็บช้ำ จึงทำให้เจ้าสะกดความทรงจำของตัวเอง แล้วหนีมาใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อลืมคนที่เจ้าเคยรักและเจ็บช้ำมามากมายหลายคน  จนเจ้าได้พบคนที่ทำให้เจ้าเข้าถึงพลังความสามารถอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง แต่เจ้าก็ยอมแพ้ต่อปัญหาความรัก ที่มันจักนำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาให้แก่เจ้า หากเจ้าเอาชนะมันได้  

 

ณัฐพัชร รู้สึกว่าสิ่งที่เสียงประหลาดนี้พูดอยู่เป็นจริงทั้งหมด  และเหมือนมีบางอย่างที่อยู่ในความฝันของเขามาตลอด ซึ่งดูเหมือนว่า เสียงประหลาดนี้จะพูดออกมาได้ชัดเจนมาก

 

  แปลกมาก ทำไมเสียงนี้ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างที่เราคิดหรือเคยฝัน อย่างละเอียดลึกซึ้งขนาดนี้ได้ 

ณัฐพัชร สงสัยกับเรื่องราวทั้งหมดที่เสียงประหลาดนี้กำลังพูดอยู่  

 

ภาพเหตุการณ์แปลกๆในอดีตของณัฐพัชร ทั้งส่วนที่เขาจำได้และจำไม่ได้กำลังเริ่มปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา อย่างอัศจรรย์

 

 เจ้าต้องการช่วยเหลือตนเอง ญาติพี่น้อง ครอบครัว และคนอื่นๆในโลกและในจักรวาล  เจ้าเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม และพยายามทำหลายๆอย่างเพื่อไปให้ถึงโอกาสและความสามารถที่จะได้ทำความดี ถึงแม้จะมีอุปสรรค แต่เจ้าก็ไม่เคยท้อ  แต่เจ้ามาท้อเพราะเรื่องของความรัก หากเจ้าสามารถพิชิตมันได้ และมีหญิงคนที่เจ้ารักมากนางนี้มาครองคู่ได้ เจ้าจะสำเร็จ ได้ทำสิ่งดีๆทุกอย่างทั้งหมดที่เจ้าต้องการได้อย่างรวดเร็ว เจ้าจะอยากต้องการได้ทำความดีอย่างที่เคยหวังและยังหวังอยู่หรือไม่ เจ้าณัฐพัชร โพธิสัตว์   หรืออีกชื่อหนึ่ง  ณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์  

 

เสียงประหลาดนั้นล่วงรู้ไปหมดซะทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องราวของณัฐพัชร โพธิสัตว์ จนเหลือเชื่อ

ท่านเป็นใคร  ทำไมท่านถึงรู้เรื่องราวของผมทั้งหมดได้

ณัฐพัชร เอ่ยคำพูด ถามเสียงประหลาดนั้น อย่างสงสัยและต้องการได้รับคำตอบอย่างชัดเจน

 แล้วเจ้าจะรู้  เมื่อถึงเวลา  แต่ตอนนี้ เจ้าควรตื่นได้แล้ว และไปมีชีวิตใหม่ กับพลังอำนาจและความสามารถใหม่ๆที่เจ้าเคยมี และจะต้องมีต่อไป ไปได้แล้ว 

เสียงนั้นออกคำสั่งให้ณัฐพัชร ตื่นขึ้น ดูเหมือนจะมีสิ่งแปลกประหลาดบางอย่างกำลังเกิดขึ้น รอบๆตัวของณัฐพัชร    เกิดกลุ่มแสง9 สี พวยพุ่งมารอบตัวเขา   ในขณะเดียวกันที่ด้านนอก   รถสองแถวคันที่ณัฐพัชร โพธิสัตว์ โดยสารมาในตอนแรก ตอนนี้กลับกลายเป็นยานบินลึกลับ ที่มีกลุ่มมนุษย์แต่งกายแปลกประหลาดกำลังมองดูอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ เพื่อดูภาพสแกนให้เห็นความเป็นไปของณัฐพัชร  โดยภายในยานลึกลับลำนี้กลับมีวัตถุแปลกประหลาดแบบเดียวกับที่ณัฐพัชรได้ไปพบมา

 คนไข้ ได้สติแล้ว 

เสียงพยาบาลภายในห้องฉุกเฉินเอ่ยอุทานออกมาอย่างดีใจ

 ไหนผมขอดูหน่อยซิ  

นายแพทย์หนุ่ม ซึ่งเป็นหมอที่เก่งมาก กำลังลุ้นอยู่กับอาการของณัฐพัชร โดยกำลังตรวจดูอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อให้ทราบอาการของณัฐพัชรอย่างละเอียดอีกที

 เชิญญาติผู้ป่วยให้เข้ามาดูอาการได้แล้ว  คนไข้ฟื้นแล้ว ครับ 

คุณหมอเอ่ยประโยคคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังของทุกคนภายในห้องฉุกเฉินรวมทั้งตัวคุณหมอเองด้วย

 พี่ญาณฟื้นแล้ว 

น้องม่วย ส่งเสียงแสดงความยินดีที่ณัฐพัชร หรือญาณแอทฟื้นตัวได้สติดีขึ้นมา

   พี่ญาณตื่นมาเร็วๆ มาเล่นกับแอ๋มนะ 

น้องแอ๋มคนสวยก็เอ่ยคำพูดที่มักพูดหยอกเย้า ล้อเล่นกับณัฐพัชร อยู่เสมอ

อ้าวนี่มาทำไรกันพรือ  

ณัฐพัชร เมื่อได้สติฟื้นขึ้นดีแล้ว อย่างรวดเร็วเกินคาด เขาก็หยอดมุขขำขันให้ผู้คนที่กำลังมาเฝ้าดูอาการของเขาอย่างเป็นกันเอง ดังที่เคยล้อเล่นกันมาตลอด

 แล้วพี่มานอนที่นี่ได้ยังไงเนี่ย  จำได้ว่ายังนอนตักนางฟ้าปูบนชั้น7 โฟร์ซีซั่นอยู่เลย 

ณัฐพัชร อารมณ์ดี ปล่อยมุขเสียวๆทางการเมือง อำทุกคนเล่นอย่างสนุกสนานเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น

 พี่ญาณ พอหายก็กวนเหมือนเดิมเลยนะ  แล้วไปทำอะไรมาล่ะ ถึงได้เป็นลมเป็นแล้ง สลบไปได้ 

หนึ่งวันชนะ เกาหัวเล็กน้อย เพราะปวดกะบาลกับมุขกวนๆ และอารมณ์ขี้เล่นไม่รู้จักกาลเทศะของณัฐพัชร

 เฮ้ยอย่างพี่เนี่ย ไม่เป็นหรอกแล้งนะ  อย่างพี่มันต้องเป็นอินทรีแดงโว๊ย หรือไม่ก็แบทแมน 

ณัฐพัชรแสดงท่าทาง ทำท่าเป็นนกอินทรี และยอดฮีโร่ เหมือนคนไม่ค่อยเต็มซักเท่าไร  จนทำให้ทุกคนยิ้มได้แต่ก็ปวดหัวเหมือนเดิม

ขณะนั้นเอง ผู้จัดการก็โทรศัพท์เข้ามาถามอาการของณัฐพัชร ว่าเป็นยังไง

 กำลังแปลงร่างอยู่พอดีเลยครับบอส 

ไก่  ยอดเซลล์ประจำบริษัท อธิบายอย่างเอือมระอากับพฤติกรรมของณัฐพัชร หรือพี่ญาณของเขาเหมือนเคย

 อะไรนะ ญาณแอทมันอาการหนัก ถึงขนาดต้องผ่าตัดแปลงร่างกันเลยหรือ 

ท่านผู้จัดการ ได้ยินที่ไก่พูดก็ตกใจ เพราะเข้าใจผิด คิดว่าณัฐพัชรมีอาการหนัก ถึงขนาดต้องผ่าตัดใหญ่

 ไม่ใช่อย่างนั้นครับ  ผมหมายถึงว่า แกกลับมาเป็นเหมือนเดิม  ก็คือ บ้าเหมือนเดิม กำลังเล่นกับพวกพี่หนึ่ง อีแอ๋ม ไอ้ม่วยนะบอส    บ้าเหมือนเดิมนะบอสเข้าใจไหม 

ไก่ ถอนหายใจแบบปวดหัวเล็กน้อย เพราะกลัวว่าผู้จัดการจะคิดมากไป

   อ๋อ เข้าใจแล้วเปลี่ยน  แบบว่ามันบ้าติ๊งต๊องตามประสาอย่างเดิม ใช่มะ  

ผู้จัดการเข้าใจแล้ว  ว่าสิ่งที่ไก่พูดหมายถึงว่า ณัฐพัชร หายเป็นปกติ กลับมาสนุกสนานตามสไตล์ของเขาได้ดังเดิม ซึ่งทำให้ผู้จัดการมีอารมณ์ดีและยิ้มได้อย่างมีความสุข

  โธ่ ไอ้แอทเอ๊ย  

ผู้จัดการเอ่ยคำสบถที่บ่งบอกถึงความรักและผูกพันต่อณัฐพัชรอย่างลึกซึ้งออกมา   แต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ณัฐพัชร โพธิสัตว์ ได้เกิดการวิวัฒนาการตัวเอง กลายเป็นมนุษย์พันธ์พิเศษ  และกำลังวิวัฒนาการตัวเองให้ก้าวหน้ากว่าเดิม โดยที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ จนกว่า ความทรงจำในอดีตของเขาจะกลับคืนมา พร้อมกับความสามารถในอดีตที่เขาเคยมีทั้งหมด และยังคงมีอยู่แต่เพียงแค่ยังไม่ได้นำมาใช้เท่านั้นเอง 

 

ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น

ก็ได้ปรากฏ ร่างชายลึกลับคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ใกล้ๆตู้โทรศัพท์สาธารณะภายในโรงพยาบาล ซึ่งภายในดวงตาของเขาบ่งบอกถึงความไม่ปกติ คือไม่ใช่มนุษย์ปกติธรรมดาอย่างแน่นอน ด้วยประกายแสงสีแดงที่ออกมาจากดวงตา ที่เหมือนกับพวกสัตว์ป่า หรือปีศาจร้าย

 แล้วเราจะได้เจอกันอีกนะ  ยอดคนนพเก้า  คราวนี้แกต้องตายแน่ๆ 

ชายลึกลับเอ่ยคำรามเสียงอาฆาตพยาบาทต่อณัฐพัชร อย่างมีพลังอันน่ากลัวแอบแฝงอยู่ในตัวของเขา

 ตอนที่2

ณัฐพัชร โพธิสัตว์ ได้เดินทางกลับถึงบ้าน ระหว่างทางเขาก็นึกถึงภาพในความฝัน หรือตอนที่เขาหมดสติไป และได้ไปอยู่ในดินแดนอันแปลกประหลาด ที่มีเสียงอันทรงพลังอำนาจแบบนั้น ซึ่งได้เล่าเรื่องราวแปลกๆเกี่ยวกับตัวของเขา ให้ณัฐพัชรได้รับรู้ ว่าตัวของเขามีอดีตที่ถูกสะกดเอาไว้ 

ณัฐพัชรรูดซิบกระเป๋าสพายสีดำ และหยิบสมุด พร้อมปากกา นำเอามาเขียนประเด็นเรื่องราวที่สำคัญในการสนทนากับเสียงลึกลับนั้น  โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความสามารถและเรื่องราวในอดีตที่ณัฐพัชรยังลืมเลือนอยู่   

 

ณัฐพัชรคิดหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองฟื้นความทรงจำในอดีตและความสามารถในอดีตของตนเองให้ได้โดยเริ่มคิดที่จะค้นคว้าวิธีการต่างๆเหล่านี้ทางกูเกิ้ล และยูทูบ 

 น่าจะมีเรื่องราว หรือข้อมูลอะไรบ้างที่เราเคยศึกษาค้นคว้าจนได้แรงบันดาลใจขึ้นมานะ 

ณัฐพัชรคิดในใจ เกี่ยวกับที่มาที่ไปของการค้นคว้าพัฒนาความสามารถของตนเองในอดีตก่อนที่จะลืมเลือนมันไปเพราะอำนาจการสะกดจิตของตนเอง 

  เขาจึงกำหนดประเด็นเรื่องราวที่จะค้นคว้าเอาไว้ในสมุดอย่างตั้งใจ แม้จะลงจากรถเขาก็ยังเดินไปคิดไปตลอดทางจนเข้าไปในบ้าน   ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านโสสะ เป็นหมู่บ้านที่มีอาคารทาวน์เฮ้าส์สูง3 ชั้นครึ่ง โดยอยู่เรียงติดกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบ้านของน้องเบ็นท์ มัสวดี ชมพูพันธ์  ผู้หญิงซึ่งเขาเคยรู้สึกว่ารัก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่คุ้นตา แต่ภายในใจเวลาเจอหน้าเธอคนนี้ เขาจะมีจิตใจว้าวุ่น หรือในบางเวลาที่ณัฐพัชรอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศหรือไปต่างจังหวัด เขาจะมีความรู้สึกคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าคล้ายๆกับน้องเบ็นท์คนนี้ หรือมักฝันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่แสนเศร้าและมีความสุขเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีใบหน้าคล้ายหรือเหมือนกับน้องเบ็นท์มาก    

โดยแท้จริงแล้ว  น้องเบ็นท์นั้นรู้ดีว่าเธอกับณัฐพัชร เคยมีความสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน แต่ที่ต้องเป็นอย่างนี้ เพราะเหตุเกิดจากพ่อและน้องสาวของเธอ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ที่หอและค่ายกิจกรรมของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ ทำให้เธอเกิดความสัมพันธ์กับนักศึกษารุ่นน้องที่เกิดขึ้นด้วยเพราะความใกล้ชิด และสถานการณ์ความเข้าใจผิดบางอย่างที่เธอมีต่อณัฐพัชร รวมทั้งอุปสรรคอันเกิดจากพ่อและน้องสาว  ทำให้เธอตัดสินใจเลือกคบกับนักศึกษารุ่นน้องคนนี้เป็นแฟน แทนที่จะเป็นณัฐพัชร ผู้ที่ได้อดทนทุ่มเทกับความพยายามทุกอย่างเพื่อให้มีเธอมาเป็นคู่รัก ซึ่งก็นานมากกว่า6 ปี  สิ่งนี้ทำให้ณัฐพัชร เปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่มีสติความคิดความทรงจำไม่เหมือนเดิม เหมือนกลายเป็นคนละคนไปเลย   

แท้ที่จริงแล้วณัฐพัชร ได้ฝึกวิชาพลังจิตและการสะกดจิต  จึงได้ทำการสะกดจิตตัวเองให้ลืมความทุกข์ทั้งหมดในใจ เพื่อการบำเพ็ญพลังในรูปแบบใหม่ ที่จะทำให้ตัวเขาในอีก3 ปี กลายเป็นยอดมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เขาต้องการ  

 

 เราต้องยอมแลก เพื่อชาติบ้านเมือง หวังว่าบุญนี้คงจะช่วยเรื่องน้องเบ็นท์ได้บ้างนะ 

ณัฐพัชรคิดดังนั้นแล้วก็ทดลองกำหนดจิตทันที เพื่อให้ลืมเรื่องราวความรักระหว่างเขากับน้องเบ็นท์ชั่วคราว 

เนื่องจากเป็นช่วงที่สถานการณ์ของประเทศไทยมีแต่ปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร และปัญหาการก่อการร้ายภายในประเทศอย่างมาก ณัฐพัชรจึงต้องเสี่ยงทดลองฝึกฝนพลังแบบใหม่ ซึ่งเป็น1ใน18 พลังที่เขาได้ฝึกฝนตลอดระยะเวลา ที่เขาทุ่มเทเพื่อเรื่องของน้องเบ็นท์ และเรื่องของครอบครัว  โดยเฉพาะการค้นคว้าทดลองสูตรอาหารและยาแบบต่างๆที่จะทำให้แม่ ลุงและน้ากลับมามีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตยืนยาวอยู่กับเขาและลูกหลานไปได้นานๆ ณัฐพัชร จึงออกแสวงหาวิธีการต่างๆทั้งจากการอ่านหนังสือตำรา ทั้งจากการค้นคว้าในเว็บไซต์ กูเกิ้ล ยูทูบและอื่นๆ  จนได้สินค้าเครือข่ายหลากหลายค่าย และตัวพืชผักผลไม้ สมุนไพรมาผลิตเป็นเครื่องดื่ม หรือสารสกัดตัวใหม่ ที่เขาให้ชื่อว่าสารกายเวอร์189  โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนรักชาวอินเดียกับลูกน้องที่ซื่อตรง3 คน ตลอดจนหมู่เครือญาติของเพื่อนชาวอินเดีย ทำให้ณัฐพัชรได้สารตั้งต้นหรือสารทดลองตัวแรก จนถึงรุ่นที่3 มาทดลองใช้กับตัวเองและแม่ ลุงน้า น้องๆ ตลอดจนเพื่อนๆ จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ 

 

 เป็นไงแม่รู้สึกยังไงบ้าง 

ณัฐพัชรถามแม่เมื่อ แม่ได้ใช้สูตรทดลองของเขาไปถึง 3ครั้ง 

 เออ ก็ดี ขาแข้ง มีกำลังมากขึ้น หายปวดเมื่อย กระดูกแน่นไม่พรุนแล้ว 

แม่พูดตามจริงให้ณัฐพัชรฟัง ถึงสรรพคุณของสารทดลองที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาและให้แม่ได้ลองใช้ 

แล้วสายตาล่ะ น้าอ๊อด น้าอ๋วยลุงส่งใช้หรือยัง 

ณัฐพัชรเอ่ยซักถามแม่อย่างตั้งใจ อยากรู้ผลการทดลองใช้ของน้าๆและลุงของเขา 

 ก็ไม่เห็นว่าอะไร น้าอ๊อดแก ก็ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่ลุงส่งกินหมดแล้ว ก็ดูแข็งแรงดี 

แม่เล่าตามจริง แม้จะไม่ค่อยชัดเจนถึงรายละเอียดเท่าไหร่ 

 แล้วสายตาเป็นไง มองเห็นชัดขึ้นมั๊ย 

ณัฐพัชร ยังคงต้องการคำตอบเกี่ยวกับสายตาของแม่และน้าอยู่ 

 ก็มองชัดขึ้น ไม่ปวดตาแล้ว 

แม่เดินเก็บผ้าไปนั่งรีด พลางก็พูดแล้วหยิบเตารีดมาวางที่เสื้อของโอ๊ด น้องสาวลูกของน้าแดง 

 ณัฐพัชร ได้ทดลองสารสกัดรุ่นที่4 ด้วยตัวของเขาเอง หลังจากได้รับการสนับสนุนเรื่องทุนจากลูกค้าพยากรณ์ของเขา ที่เป็นอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่ง ได้ช่วยเงินและเครื่องมือมาทดลอง เพื่อจะนำไปใช้กับตัวเองด้วยเช่นกัน ตามการแนะนำที่ณัฐพัชร ได้บอกเล่าถึงประสิทธิภาพของสารสกัดกายเวอร์  

 มันได้ผลจริงๆนะ แอท ถ้าดีจริงพี่จะได้ใช้ด้วย เอาไป 23,000 ก่อนนะ 

อาจารย์สาวได้มอบเงินให้กับณัฐพัชร เพื่อให้เขาไปทำสูตรยาวิเศษอย่างว่ามาให้เธอลองใช้ดู 

จนเมื่อณัฐพัชร ได้ทดลองเป็นผลสำเร็จ ร่างกายและความทรงจำของเขาจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดการปรับตัว หรือรีบู๊ตตัวเอง เพื่อรอเวลาให้กลายเป็นระบบใหม่ที่สมบูรณ์กว่าเดิม  จึงทำให้ณัฐพัชร เหมือนกลายเป็นคนใหม่ที่จำหญิงที่ตนเองรักไม่ได้ ในบางขณะ ซึ่งทำให้เขาต้องทรมาณใจมากในยามที่ฝัน แต่ก็มีความสุขกับเรื่องราวใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้นในความฝันซึ่งเกี่ยวกับตัวของเขาเอง ตามโปรแกรมทั้ง 936 ประการ ที่เขาได้สร้างขึ้น 

  เรานึกได้แล้วจะต้องใช้วิธีนี้แหละ 

ณัฐพัชร ได้ทดลองขีดเขียน วิธีการต่างๆอย่างหลากหลายวิธี จนได้18 วิธี ซึ่งเป็นวิธีเดิมที่เขาเคยคิดได้ในอดีต  หรือจะเป็นผลจากข้อมูลความทรงจำเดิมในอดีตของเขากันแน่ จึงทำให้เขาคิดได้ 

 

 ต้องทดลองบริกรรมคาถา 36 บทนี้ก่อนดีกว่า รู้สึกว่ามีอะไรที่ผูกพันกับเราเป็นพิเศษ

 

ณัฐพัชร เริ่มกางหนังสือสวดมนต์ที่เขาเคยอ่านอยู่เป็นประจำภายในบ้าน โดยมีแม่ซึ่งกำลังทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง หลังจากแม่ต้องเดินทางไปๆมาๆระหว่างบ้านน้องชาย บ้านน้าและบ้านหลังนี้ เพื่อเป็นการพักผ่อน แต่แม่ของเขาก็ยังเป็นห่วงณัฐพัชรเสมอ   โดยในวันนี้แม่ของณัฐพัชร มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น เป็นเพราะผลจากการค้นคว้าทดลองของณัฐพัชรในอดีต จนทำให้เขาผลักดันให้แม่ยอมใช้สารอาหารตามที่เขาค้นคว้าจนได้ ซึ่งทำให้สุขภาพของแม่เป็นอย่างในทุกวันนี้ 

“  ต้องปิดโทรศัพท์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวใครโทรมารบกวนเราอีก   

 

ณัฐพัชร รู้ดีว่าเวลาที่เขากำลังค้นคว้าอะไรมักจะมีงานอื่นๆเข้ามาแทรกอยู่เสมอ โดยที่ตัวของเขาไม่รู้ว่าอีก 4 เดือน จะครบกำหนดที่เขาจะกลายเป็นยอดมนุษย์พันธ์ใหม่ ตามที่เขาได้กำหนดเอาไว้แล้ว ซึ่งในตอนนี้ตัวเขาได้ทำการฝึกฝนบำเพ็ญพลังทั้ง18 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง  จึงเป็นสิ่งที่ยิ่งช่วยเพิ่มพลังให้แก่ตัวของณัฐพัชรไปโดยปริยาย 

 นะพุทธัง สุโขสุขังอุตตะมัง สุขังสุคะลาภังภะวันตุเม   

 

ณัฐพัชรทดลองท่องบทคาถาที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เหมือนมันเคยท่องมานานมาก และเขาก็ทดลองท่องบทอื่นๆต่อไป เป็นเวลานาน จนแม่เรียกให้ลงไปเอาของที่บ้านน้าอ๊อดและซื้อมะนาวมาให้ด้วย5 ลูก เพราะพรุ่งนี้จะได้มีไว้ทำน้ำพริกปลาทู ในตอนเช้า   ณัฐพัชรจึงรีบลงไปทำตามที่แม่บอกคือไปบ้านน้าและก็ซื้อมะนาวมา5 ลูก  พอเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้านเขาก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังถูกลุมทำร้ายจากผู้ชาย3 คน ในป่าตรงกองดิน ใกล้หมู่บ้าน ทั้งๆที่ปิดรั้วเอาไว้ ณัฐพัชรไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นคนจริงหรือสิ่งอื่น แต่เขารู้เพียงอย่างเดียวต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ  เขาจึงเอาของวางซ่อนไว้ใกล้ๆต้นไม้ทางเข้าหมู่บ้าน ตรงป้อมยามก่อน แล้วรีบหาทางปีนข้ามรั้วที่กั้นกองดินเอาไว้  โดยการแอบปีนจากทางรั้วอีกด้านหนึ่งของหมู่บ้าน แล้วค่อยๆเดินย่องไปจนถึงตัวผู้ชายสามคนนั้น 

 

 เป็นไงเจ้า ไมยา  หากครานี้พวกข้าไม่จัดการกับวิญญาณของเจ้า  วิญญาณของพวกข้าคงไม่ได้มีความสุขแน่ๆ  ในแดนทิพย์หมู่แมกไม้ถิ่นนี้ พวกข้าจะได้เป็นใหญ่ ไร้คนมาขัดขวาง ฮ่าๆๆๆ  

 

ชายลึกลับ พอพูดจบก็หัวเราะอย่างมีความสุข แล้วพรรคพวกของมันก็ลุมทำร้าย ชายคนที่มันเอ่ยถึงต่อไปอย่างไร้ความปราณี  

 

 เฮ้ยทำอะไรกันวะ 

 

ณัฐพัชรโผล่เข้ามาแทรก โดยตะโกนถามเพื่อให้พวกอันธพาลทั้ง3 คนตกใจ และหยุดทำร้ายคน 

 

  เฮ๊ย ไอ้เจ้ามนุษย์หน้าโง่ นี่มันเรื่องของพวกข้า ไม่เกี่ยวกับมนุษย์เยี่ยงเจ้า หรืออยากมีเรื่อง

 

ณัฐพัชรฟังแล้วสับสนในคำพูดที่ชายผู้นั้นพูด ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวหัวหน้าใหญ่ 

 

 แกพูดอะไรของแก ฉันไม่เข้าใจ  แต่ที่ฉันรู้ในตอนนี้ก็คือ ให้พวกแกไสหัวไปไกลๆฉัน ก่อนที่ฉันจะมีน้ำโหขึ้นมา 

 

ณัฐพัชร พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง แต่ยังแลดูไม่หวั่นไหวกับพรรคพวกของชายลึกลับผู้นี้   

 

  ฮ่าๆๆ  อย่างเจ้าเรอะจะมีน้ำยาอะไร ไอ้มนุษย์กระจอก 

 

ชายที่เป็นหัวหน้าใหญ่พูดด้วยท่าทีเย้ยหยันต่อณัฐพัชร  แล้วก็ทำเป็นบีบกำมือ ให้มีเสียงกระดูกดังลั่น เพื่อเป็นการข่มขวัญศัตรู ซึ่งก็คือ ณัฐพัชร นั่นเอง 

 

 เดี๋ยวก็รู้ ว่าฉันจะทำอะไรพวกแกได้บ้าง 

 

ณัฐพัชรพูดอย่างมั่นใจในความสามารถของตัวเอง  อย่างลึกๆ 

 

ชายทั้งสามคนไม่รฮช้า เดินเข้ามาหมายทำร้ายณัฐพัชรทางด้านหน้าและด้านหลัง แต่ณัฐพัชรหลบได้ทันและตอบโต้กลับไปได้อย่างคล่องแคล่ว จนซัดให้ชายทั้งสองกระเด็นลงไปนอนกับพื้นได้อย่างรวดเร็ว 

 อ้อ มีฝีมือเหมือนกันนี่  งั้นก็ต้องเจอกับข้า 

พูดจบชายผู้เป็นหัวหน้า ก็เดินอาจเข้ามา โจมตีณัฐพัชร ทั้งด้านบนและด้านล่าง มือเท้าของณัฐพัชร ได้แต่คอยตั้งรับในกระบวนท่าของมัน ที่แสนจะรวดเร็วและทรงพลังมาก 

 

 ไอ้นี่ร้ายมากจริงๆ   

ณัฐพัชรนึกในใจ เพราะไม่คิดว่าฝีมือของชายผู้นี้จะเก่งฉกาจขนาดนี้  ชายสองคนลุกขึ้นมาช่วยลุมณัฐพัชร  แต่ณัฐพัชร เหมือนมีสัญชาตญาณรู้ จึงหลบได้ทัน และใช้จังหวะผลักให้ชายทั้งสองโดนอาวุธมือเท้าจากชายคนที่เป็นหัวหน้าอย่างแรง 

 โอ๊ย        

เสียงพวกของมันคนหนึ่งร้องขึ้น ด้วยความเจ็บปวดมากกว่าที่โดนณัฐพัชรทำร้ายเสียอีก  ชายคนนึ่งพยายามทำร้ายณัฐพัชรจากทางด้านหน้า แต่ณัฐพัชรก็รับมือและโต้กลับได้ อย่างหนักหน่วง หน้าแข้งของณัฐพัชร แข็งแรงและว่องไวมากกว่าปกติ  จนซัดลูกสมุนของชายคนนี้ลงไปนอนกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายรอบ   แต่แล้วพลังฝ่ามืออันร้ายกาจของชายผู้เป็นหัวหน้าก็ซัดมาโดนที่กลางหลังของณัฐพัชร  จนเกิดพลังงานบางอย่างสะท้อนชายตัวหัวหน้า ผู้นั้นให้กระเด็นกลับไป 

 พลังยันต์ทิพย์  

 

ชายผู้เป็นหัวหน้าร้องอุทานอย่างตกใจ ในพลังงานที่ปล่อยออกมาด้านหลังของณัฐพัชร เมื่อฝ่ามือของมันได้แผ่พลังไปสัมผัส 

 มันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา 

 

ณัฐพัชร เหมือนจุกที่กลางหลังแต่ก็ไม่เป็นอะไร เขาแปลกใจที่ชายทั้ง3 มีท่าทีแปลกไปโดยเฉพาะตัวหัวหน้าใหญ่ของมัน 

แกมีของดีคุ้มกาย ถ้างั้นต้องเจอกับของแบบนี้ซะแล้ว แกตายซะเถอะไอ้มนุษย์หน้าโง่

 

ชายผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ ยื่นมือออกมา พร้อมกับเกิดพลังงานไฟฟ้าลุกขึ้นที่ฝ่ามือ เป็นประกาย แล้วมันก็ซัดพลังงานนั้นไปที่ตัวของณัฐพัชร 

 

 เฮ๊ย เล่นอะไรกันว่ะ   

ณัฐพัชรเห็นดังนั้นก็ ตื่นตกใจ เพราะไม่คิดว่าพวกมันจะมีพลังประหลาดแบบนี้ 

 เอ๊ะ ไอ้แอท มันหายไปไหนนานนักนะ ป่านนี้ยังไม่กลับมาบ้านอีก

 

เสียงแม่บ่นถึงณัฐพัชร ด้วยความแปลกใจที่ณัฐพัชรหายไปนาน ซึ่งที่จริงก็ควรกลับมาถึงบ้านนานแล้ว 

 

กลับมาทางณัฐพัชรที่กำลังตื่นตกใจกลัว กับพลังอันแปลกประหลาดของชายอันธพาลผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ 

  จงสงบใจแล้วระลึกถึงบทคาถาที่เจ้าสวดเป็นประจำ แล้วนึกอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง เพื่อใช้ประโยชน์ในตอนนี้

เสียงลึกลับ คล้ายเสียงที่อยู่ในแดนฝันประหลาดครั้งก่อน ดังขึ้นในหัวของณัฐพัชร 

ณัฐพัชร จึงนึกถึงบทคาถาที่เขาสวด โดยนึกบริกรรมในใจอย่างสงบถึงคาถาบทนั้น 

นะพุทธัง สุโขสุขังอุตตะมัง สุขังสุคะลาภังภะวันตุเม   ขอให้ลูกจงมีพลังปราบพวกคนชั้วเหล่านี้ได้ด้วยเถิด 

ณัฐพัชรนึกขึ้นในใจดังนั้น ก็เกิดพลังบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา โดยเฉพาะรูปภาพของไพ่และรูปภาพที่อยู่ข้างหลังของณัฐพัชร ได้ปรากฏขึ้นเป็นตัวผู้ชายถือดาบ คลุมผ้าอัศวิน ปรากฏออกมาจริงๆ แล้วก็ฟาดดาบนั้นลงไปที่พลังของชายคนที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มอันธพาลเหล่านั้นซึ่งได้ปล่อยพลังแปลกประหลาดออกมา  

 เฮ๊ย เป็นไปได้อย่างไงกันวะ   

ชายผู้เป็นหัวหน้าใหญ่รู้สึกแปลกใจ ที่พลังงานไฟฟ้าอันร้ายกาจของเขา ถูกทำลายลงด้วยร่างพลังงานของชายที่ถือดาบเล่มยาวใหญ่ 

 แกเป็นใครกันแน่ว่ะ 

มันเอ่ยถามณัฐพัชร อย่างสงสัยในตัวของเขาเป็นอย่างมาก 

 อย่านึกว่าจะจบแค่นี้นะ ข้ายังมีอีก ตายซะ  

มันไม่พูดเปล่ามันซัดพลังออกมาอีก   แต่ร่างพลังของชายสวมผ้าคลุม ก็ฟาดฟันพลังงานของพวกมันจนแหลกลาญอีกเช่นเคย  และในที่สุดร่างพลังงานนั้นก็เข้าไปในตัวของณัฐพัชร ทำให้ณัฐพัชรมีพลังแสงสีน้ำเงินออกมาทางดวงตา 

พวกเจ้าจงไปให้ไกล อย่ามาทำร้ายคนในพื้นที่ๆเราอยู่ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องเจ็บตัวอย่างไม่มีทางจะแก้ไขได้ทัน 

ณัฐพัชรในอีกบุคคลิกใหม่พูดจาด้วยท่าทางขึงขัง แต่ยังเรียบเฉย เหมือนจะดูเชิงของอีกฝ่ายหนึ่งก่อน พลางวาดฝ่ามือเป็นเหมือนรูปดาบไปในอากาศ แล้วก็เกิดเป็นกลุ่มแสงออกมาจากอีกมิติจักรวาล จนกลายเป็นรูปสัตว์แปลกๆ 3ตัว ที่มีความสามารถทางการรบอย่างน่าเกรงขามมาก  สัตว์ตัวหนึ่งมีลักษณะคล้ายหมาผสมกับเสือ แต่มีสัญลักษณ์แปลกๆอยู่ที่หน้าผาก และมีพลังงานไฟแผ่ออกมาจากตัวอยู่เสมอ  อีกตัวหนึ่งเป็นสัตว์คล้ายๆกับลิงแต่มีหน้าเป็นสิงโต และมีหาง2 หางที่แตกต่างกัน โดยมีไฟฟ้าแผ่ออกมาที่หาง และตามแขนขา  ส่วนตัวสุดท้ายนั้นเป็นสัตว์ที่คล้ายๆกับแมลงมุมแต่มีปีกเล็กๆ แบบค้างคาว มีสีผิวเป็นสีเงินยวงเข้ม  ที่เปล่งปลั่งอยู่ตลอดเวลา 

 แต่มันสามารถปล่อยพลังออกมาเหมือนกับปืนใหญ่โดยปล่อยออกมาทางปากยิงขึ้นสู่ฟ้าได้อยู่เสมอ เมื่อชายทั้งสามเห็นดังนั้น จึงทำท่ายอมอ่อนลง และค่อยๆเดินเลือนหายไปในดงไม้ของกองดิน  

  ขอบคุณท่านมนุษย์ผู้วิเศษมากเลยจ้า 

ชายคนที่ถูกทำร้าย ที่ชื่อไมยา เอ่ยปากจบก็ยกมือไหว้ท่วมหัว 

 ไม่เป็นไรจ้า พี่ชาย เราคนบ้านเดียวกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน 

ณัฐพัชร ทำท่าทีถ่อนตน แต่ก็ยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสับสนกับตัวเองว่ามันเป็นความจริงหรือความฝัน และตัวเขาทำอะไรอย่างนี้ได้ยังไง 

 ว่าแต่พวกพี่เป็นใครกัน ถึงมาทะเลาะกันในที่ดินคนอื่นเขาได้เนี่ย 

 

เมื่อณัฐพัชร เอ่ยคำพูดนี้ จึงทำให้ไมยา ทำหน้าซีดก่อนจะก้มหน้าแล้วพูดเบาๆว่า 

พวกเราเป็นวิญญาณ ที่มีอิสระ อยู่ในแถบพื้นที่แห่งนี้มานานแล้วจ้า 

ณัฐพัชรได้ยินดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย แต่ยังคงทำเป็นไม่กลัวกับสิ่งที่จะได้ยินต่อไป 

 เราไม่ใช่มนุษย์หรอกท่าน และที่ท่านสามารถเข้ามาในมิติของพวกเราได้ ก็เป็นสิ่งที่แปลกมาก ซึ่งย่อมแสดงว่าท่านต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ซักวันนึงท่านคงรู้จักตัวเองดี และสามารถได้ใช้พลังที่ท่านมีให้เป็นประโยชน์ต่อทุกสรรพชีวิตได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน  

 

ณัฐพัชรเริ่มมีอาการขนลุกขึ้นมา เมื่อรู้ว่ากำลังเจอผี 

ท่านไม่ต้องกลัวผมหรอก  น้องชายเป็นคนดี แล้วเราคงได้เจอกันอีก  พี่ขอลาไปก่อน ขอบคุณมากจ้าสำหรับในวันนี้ ไปล่ะนะ  

 

พูดจบร่างชายคนนี้ก็ค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตาของณัฐพัชร ทำให้เขาได้สติแล้วตะโกนแหกปากเสียงดัง 

 ผีหลอกจ้า  ผีหลอก ช่วยด้วยผีหลอกจ้า     

ผู้คนในกองดินและบริเวณรอบข้างต่างตกใจในเสียงของณัฐพัชร 

เฮ๊ย ลืมไปเราแอบเข้ามาในที่ดินของเขา  

 

ณัฐพัชรนึกได้ในใจ จึงเบาเสียงแล้วค่อยๆ แอบย่องเดินหลบผู้คนภายในกองดิน เขาค่อยๆเดินไปจนถึงกำแพงรั้วหมู่บ้านเพชรสมุทร แล้วจึงปีนรั้วกลับเข้าไปในหมู่บ้านดังเดิม  

 แม่ แอทกลับมาแล้ว

 

ณัฐพัชร ตะโกนทักแม่พร้อมกับเอาของมาให้แม่ 

แกหายไปไหนมาตั้งนาน ชั้นรอมะนาวแกตั้งนานแล้ว นะเนี่ย

แม่พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดปนห่วงเล็กน้อย 

เปล่าก็อยู่แถวๆนี้แหละ บังเอิญติดธุระเล็กน้อยนะแม่

ณัฐพัชรพูดบ่ายเบี่ยง เพราะไม่สามารถเล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้แม่รู้ได้ 

เขาได้แต่ภาคภูมิใจในตัวเอง และเข้าไปอาบน้ำ เพื่อมากินข้าวพร้อมกับอาหารที่แม่ได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว  

             โปรดติดตามตอนต่อไป

 

บทประพันธ์เรื่องยอดคนนพเก้า โดยณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์

ห้ามทำซ้ำหรือดัดแปลง และห้ามเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต

สงวนลิขสิทธิ็โดย ณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์

Google






วันอังคารที่ 10 มกราคม 2555





วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2555

และแล้วพี่ก็ได้รับการติดต่อจากอีกมิติมาว่า

" คุณณัฐพัชร หรือคุณแอทใช่มั๊ยครับ นี่ผมปูกลัวเมีย ชาวดาวกุ๊กกู "

พี่ก็นึกในใจกุ๊กกูบ้านเตี่ยมึงซิ แต่ก็แปลกใจที่พี่ไม่เห็นใครแถวนั้นเลย

" อ๋อไม่ต้องมองหาหรอกครับ คือตอนนี้คุณเหยียบผมจมอยู่ที่เท้าไงล่ะครับ"

พี่นึกในใจ

"อ้าวไอ้เวร แล้วมึงเสือกมาอยู่ใต้เท้ากูตั้งแต่เมื่อไรวะเนี่ย"

แล้วก็คิดในใจอีกว่า

"สงสัยเราจะเป็นคนไปเหยียบชาวดาวกุ๊กกูแน่ๆเลย "

โปรดติดตามตอนต่อไป มาคอยดูกันนะว่าเมื่อพี่เอาเท้าออกจากชาวดาวกุ๊กกูแล้วจะเกิดอะไรขึ้นนนน

คิดถึงนะ




วันอาทิตย์ที่ 15มกราคม 2555

วันนี้ไม่ได้ไปไหน เมื่อวานนั่งรถไฟไปเที่ยวที่สถานีฉะเชิงเทรา ตอนประมาณเกือบห้าโมงเย็น นั่งรอรถจนถึง หกโมงเย็ํนแล้วก็เลดมาถึงบ้าน ประมาณ สองทุ่มกว่าๆจะได้
วันนี้ไม่ได้คุยโทรศัพท์กับใครเลย วันนี้ตังค์ไม่ค่อยมี  เอ้าต่อเรื่องนวนิยายยยกันต่อดีกว่านะ 
พอพี่ลองมองไปดูก็เห็นชาวกุ๊กกูนอนแบนแต๊ดแต๋ อยู่ใต้เท้าพี่ซะแล้ว
"เอ้า ขอโทษทีครับ คุณปูกลัวเมีย เพื่อนชาวดาวกุกกู " 
ว่าแล้วพี่ก็เผลเอาเท้าอีกข้างไปเหยียบซ้ำอีกที ไหนๆก็เหยียบไปแล้วข้างหนึ่ง ขออีกซักทีก็แล้วกัน"  พี่มองไปเห็นชาวกุ๊กกูนอนแลบลิ้นห้อยออกมา สงสัยคงจะเจ็บหนักแน่ๆ 
" ตายพอดีเรา" ชาวดาวกุ๊กกูอุทานออกมาด้วยความเจ็บทรมาณ
แต่แล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อชาวดาวกุ๊กกูสามารถยืดตัวขึ้นมา แล้วขยายตัวจนใหญ่โตได้สูงเท่าๆกับมนุษย์รูปร่างสูง ประมาณ185 ซม.
พี่ก็คิดในใจ
"อ้าว คราวนี้ซวยละกูมันต้องเอาคืนแน่ๆ" พี่ทำท่าทางเจียมตัวขึ้นมาในบัดดล
แล้วเอ่ยวาจาอันน่ารักว่า
"โอ้ พ่อรูปหล่อ พ่อมหาจำเริญ (ทำเสียงหล่อด้วย)ไม่นึกไม่ฝันว่า คุณปูกลัวเมียจะมีรูปร่างอันสง่างามได้ขนาดนี้ ใหญ่เหมือนนะเนี่ยเรา "
แล้วตาพี่ก็มองไปที่น้องชายคุณปูกลัวเมีย ที่มันทั้งใหญ่ทั้งยาวออกมาเกินหน้าเกินตาไอ้น้องกุ๊กไก่ของพี่ 
" ไงเมื่อกี้เท้าที่คุณแอทเหยียบผมข้างซ้าย ผมไม่ถือ แต่ข้างขวาผมถือ งั้นขอผมเอาคืนบ้างนะ " ว่าแล้วคุณปูกลัวเมียก็แจกรูปเท้าให้กับที่หน้าพี่ๆเต็ม หนึ่งรูปเลย
"โอ๊ย " เสียงร้องเจ็บของพี่ดังขึ้น
" เอาเป็นว่าเราหายกันนะครับ  ชาวกุ๊กกูเราชอบความยุติธรรม "  คุณปูกลัวเมียเอามือมาแต่ที่ไหล่พี่หนึ่งที
" เออผมว่า ก็ดีนะ แต่คุณจะไม่ใส่อะไรปกปิดน้องชายของคุณบ้างเลยเหรอเนี่ย ผมว่าคุณไปหาชุดอะไรมาใส่ให้มันดูดีกว่านี้จะดีมั๊ยครับ"  ว่าแล้วพี่ก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในถังขยะแถวนั้นมาห่อแหนม เอ๊ยน้องชายของคุณปูกลัวเมียเอาไว้ก่อน
" ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะใช้ระบบปรับตัว ใส่ชุดเซลล์เดี๋ยวนี้ "
ว่าแล้วนายปูกลัวเมียก็ดึงเปลือกไม้ จากต้นไม้ใกล้ๆกันนั้นมาสแกนด้วยเครื่องมือพิเศษที่เป็นอุปกรณ์สวมข้อมืออยู่ แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีภาพเฮโลกราฟฟิคแสดงลักษณะโครงสร้างของเปลือกไม้ และรูปแบบเสื้อผ้าของชาวโลกให้เลือกสรร ชาวดาวกุ๊กกูก็เลือกเอาชุดไมเคิลแจ็คสัน ที่เต้นลูบเป้ากางกางเอาใส่เป็นชุดของตัวเองในทันที  แล้วก็เกิดชุดของไมเคิลแจ๊คสันห่อหุ้มร่างกายของชาวดาวกุ๊กกูขึ้นมาทันที ภายในเวลาไม่เกิน 5นาที
" โอ้ โฮ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย  " พี่ร้องอุทานกับภาพที่ได้เห็น 
"อ๋อไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะให้คุณซักเครื่องหนึ่ง เอาไว้ใช้บ้าง เพราะเราเป็นเพื่อนกัน  อันนี้เป็นการสแกนเยื่อไม้ของเปลือกไม้แล้วเลือกแบบชุดจากเครือข่ายแบบอินเตอร์เน็ตบนดาวโลกคุณไงล่ะ แล้วก็ใช้เยื่อของเปลือกไม้สร้างจากในยานอวกาศของผม แล้วส่งมาด้วยระบบเคลื่อนย้ายมวลสาร มาประกอบกันเป็นชุดให้ผมตามพิกัดที่ผมอยู่
โดยจับจากรังสีความร้อนและสัญญาณของเครื่องนี้ยังไงล่ะ "
ชาวดาวกุ๊กกูอธิบายให้พี่ฟังจนพอจะเข้าใจได้  แบบว่าคนมันอัจฉริยะนี่เน๊อะ แถมยังมีเมียสวยๆน่ารัก หัวเถิกๆแบบน้องเบ็นท์อีกต่างหาก 
" แล้วคุณมาที่ดาวนี้ทำไมล่ะครับ "  แปลกมากที่พี่ไม่รู้สึกตื่นกลัวชาวต่างดาวคนนี้เลย ทั้งที่มีหน้าตาไม่เหมือนคนแต่หน้าตาออกคล้ายๆกับหมีผสมสิงห์โตนะ
" ผมจับสัญญาณคลื่นสมองของคุณได้  เราค้นหาสัญญาณคลื่นจิตและคลื่นสมองของสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาทั่วจักรวาล มานานมาก เพื่อจะหาผู้ที่มีความคิดจิตใจแบบคุณเนี่ยแหละ " พอคุณปูกลัวเมียพูดจบพี่ก็ปลื้มใจ แต่ก็แปลกใจด้วย เพราะว่าไอ้ตัวพี่นี่ก็วันๆคิดแต่จะปี้น้องเบ็นท์ เอ๊ย มีลูกกับน้องเบ็นท์ และได้อยู่ครองคู่กับน้องเบ็นท์อย่างสุขใจไปตลอด มีลูกหลานให้เต็มบ้านเต็มเมืองไปเลย รอมาจนป่านนี้แล้ว  ไหนๆก็ได้ผสมพันธุ์แล้ว ก็ขอผสมมันให้เยอะๆจะได้ถึงใจท่านผู้ชม ที่รอคอยดูเวลานี้ของพี่มานานแล้ว จริงมั๊ยครับ และที่ปลื้มใจก็ตรงที่บอกว่าสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาเนี่ย แหมมันถูกใจแอทจริงๆเลย  ขนาดมนุษย์ต่างดาวยังเห็นคุณค่ายังบอกว่าเราฉลาดอัจฉริยะเลย 
" ที่บอกว่าสนใจคลื่นความคิดจิตใจของผมเนี่ย มันหมายความว่าจะได๋ครับ คุณปูกลัวเมีย"
พี่ไม่แน่ใจเผื่อมันคิดจะเอาสมองพี่ไปแด๊กขึ้นมาเผื่อไว้ก่อน
" อ่อ แบบว่าเราจับสัญญาณความคิดและจิตใจของคุณมานานแล้ว พบว่าคุณมีความรักต่อมวลมนุษยชาติและทุกสรรพสิ่งในจักรวาล อยากทำให้ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลมีความร่มเย็นเป็นสุข และคิดขจัดเหล่าร้ายในจักรวาล แถมยังคิดเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเหล่าร้ายให้กลายเป็นดีด้วย ตามแบบวิธีของพระพุทธเจ้า"
พี่ตกใจกับคำพูดนี้ของชาวดาวกุ๊กกูจริงๆ เพราะพี่จะภาวนาอยู่เป็นประจำว่า        ฉันช่วยให้มวลมนุษย์และสรรพสิ่งต่างๆมีความร่มเย็นเป็นสุข  แต่สงสัยว่าชาวต่างดาวรู้จักพระพุทธเจ้าด้วยหรือนี่
" เอ๋แล้วที่คุณบอกว่า ผมทำตามแบบวิธีของพระพุทธเจ้าเนี่ย แปลว่าคุณรู้จักพระองค์ด้วยเหรอครับ"  
พี่ถามด้วยความอยากรู้
"ใช่แล้วครับ เพราะชาวดาวของเราก็นับถือพระพุทเจ้าเหมือนกัน แต่เมื่อก่อนเราชอบจับมนุษย์ไปกิน แต่พอได้เรียนรู้ธรรมะของพระองค์ เราก็เลยเปลี่ยนใจ มากินต้นไม้แทน "  
พี่ฟังแล้วขนลุก กูว่าแล้ว ไอ้นี่มันต้องกินคนได้แน่ๆ แล้วมันจะมากินพี่มั๊ยเนี่ย เผื่อมันเปลี่ยนใจพอมาเห็นความน่ารักและหล่อเหลาของพี่ แล้วเกิดนึกหิวอยากกินขึ้นมาจะทำยังไงดีว่ะเนี่ย   ยังไม่ได้ผสมพันธุ์กับน้องเบ็นท์เลย เสียวแล้วกู
" คุณแอทคงตกใจล่ะสิ ไม่ต้องกลัว ผมยังไม่กินคุณหรอก " 
เอ้าทำไมพูดอย่างงี้ล่ะวะ ยังไงกันแน่เนี่ย
"เอ๊ยล้อเล่นน่า (ทำท่าล้อเล่นแบบในหนังตลกเลย ไอ้มนุษย์ต่างดาวกวนตีน) ผมต้องการให้คุณช่วยเหลืองานของพวกเรา เพื่อให้คุณได้ทำอย่างที่ตั้งใจไงล่ะ"
พี่ฟังประโยคนี้แล้วก็อึ้งเงียบไป ไม่รู้จะเริ่มถามยังไงต่อดี เพราะใจนึงก็กลัวๆแต่ก็อยากเป็นในสิ่งที่ใฝ่ฝันนั้นจริงๆ  น้องเบ็นท์ว่าพี่ควรทำอย่างไรดี
แล้วทันใดก็มีจานบินอีกลำลอยมาพร้อมกับยิงแสงประหลาดอันร้อนแรงมาทางเราทั้งคู่
"แย่แล้ว พวกมันมาถึงแล้ว คุณแอทหลบข้างหลังผมก่อน "
พี่รีบวิ่งไปหลบข้างหลังคุณปูกลัวเมียทันที ไม่น่าเชื่อว่าคุณปูกลัวเมียจะมีพลังม่านบาเรียมากางป้องกันแสงรังสีอันร้อนแรงนั้นได้ด้วย
โปรดติดตามตอนต่อไ  นะจ้ะที่รัก  
มาต่อกันเรื่องนี้ดีกว่า วันนี้ตื่นมาก็ไปซื้อมะเขือเปราะมาทำกับข้าวกิน แต่ที่จริงตอนแรกก็เล่นดนตรีหลายเพลงเพื่อให้พี่หายง่วงก็แค่นั้นเอง  เพราะมันเป็นผลดีต่อเซลล์สมอง และระบบประสาท นี่จริงๆนะ ไม่เชื่อลองทำดูซิ เพราะเมื่อคืนดูหนังดึก  แล้วก็ไปบ้านน้องชายแต่ก็ยังไม่หายง่วงดีเลยกลับมานอนที่บ้านต่ออีกที แล้วก็ทำกับข้าวกิน ผัดพริกมะเขือเปราะ โดยมีหลานๆพี่มาช่วยกันทำ รสชาตออกมาก็อร่อยดีนะ เปรี้ยวๆเค็ม ไม่ชอบกินหวาน กินหวานมากๆเดี๋ยวกลัวดุ เอ๊ยไม่ใช่หมา กลัวเป็นเบาหวาน  
 วันนี้พี่ๆทีมงานบางคนพี่น้องมีมี่คนที่จะยกลูกสาวให้พี่(ล้อเล่นนะ)  พี่เขามาชวนกันทำรายการที่จตุจักรต่อ ที่จริงก็เบื่อๆแล้วนะ ไม่อยากผูกพันธุ์กับใครมากๆเลย เวลาจากกันมันเศร้าใจนะ แต่ก็ว่าจะทำอะไรแบบนี้แต่จะอยู่เบื้องหลังปั้นคนอื่นขึ้นมา ให้ตัวเองมีเวลากับสิ่งอื่นๆที่อยากจะทำบ้าง ไอ้เรื่องนี้ก็จะขอช่วยแต่พยายามช่วยเบื้องหลังให้มากขึ้น
                                                                                        รักเสมอ

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2555


จากความเดิมตอนที่แล้ว  เมื่อชาวดาวพิกก้าจู๊ก มาพบพี่อยู่กับชาวดาวกู๊กกูเข้า โดยจับสัญญาณได้จากเครื่องแปลงเซลล์นั่นเอง ทำให้พวกมัน ยิงแสงพิฆาต ที่มีอานุภาพร้ายกาจมา แต่ได้ม่านบาเรียของคุณปูกลัวเมีย ชาวดาวกุ๊กกูช่วยเอาไว้ทำให้พี่แอทรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด
" ขอบคุณมากครับ" พี่รีบเอ่ยวาจาอันไพเราะเสนาะแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือของคุณปูกลัวเมียทันที ตามมารยาทชายงามแห่งจักรวาล
" ไม่เป็นไร  หลบเร็ว มันมาอีกแล้ว คราวนี้มันยิงจรวดสังหารเลย ผมสู้ไม่ได้แล้ว" คุณปูกลัวเมียแสดงความตื่นตระหนก เพราะมองจากสัญญาณภาพในปลอกข้อมือล้ำยุคของเขาที่บอกถึงระดับอันตรายและชนิดอาวุธที่กำลังจะเข้ามาปะทะในรัศมี สองร้อยกิโลเมตรได้
"เราต้องรีบวิ่งหนีไปทางนั้นมียานของผมอำพรางซ่อนอยู่ เร็ว"  พูดไม่ทันขาดคำ ยานบินพร้อมจรวดสังหารอันร้ายกาจก็บินกลับมาอีกแล้ว มันปล่อยจรวดออกมาทันที  พี่กับคุณปูกลัวเมียวิ่งแบบใส่ตีนหมา ไม่เหลือความเป็นชายงามแห่งจักรวาลหลงเหลือเลย แต่คุณปูกลัวเมียแกวิ่งนำไปก่อนพี่แล้ว  ซวยจริงๆเลยกู
" เฮ๊ย รอผมด้วย"  พี่รีบวิ่งตามอย่างกระหืดกระหอบ ก็คนมันไม่ได้เตรียมพร้อมนี่เนอะ วันๆเอาแต่คิดจะผสมพันธุ์มีลูกกับน้องเบ็นท์แค่นั้นเอง เลยไม่ได้ออกกำลังกายกับเขาเลย ทีนี้ล่ะซิ ซวยจริงๆ  มันยิงจรวดมาเป็นฝูงเลย  นี่มันจะเอาให้ตายกันจริงหรือนี่  ว่าแล้วพี่ก็รีบวิ่งตามติดคุณปูกลัวเมียให้ทัน เพราะแกวิ่งเร็วมาก
" ตูม "   จรวดหนึ่งลูกตกลงสู่พื้น แต่พลาดเป้าไป " ตูม ตูม "  อีกสองลูกถล่มลงมาซ้ำ ดีนะที่ใส่รองเท้าผ้าใบอยู่ก่อน  ตอนวิ่งเนี่ย คิดถึงแต่หน้าน้องเบ็นท์อย่างเดียว กลัวหนีไม่ทันไม่ได้กลับไปเจอหน้าน้องเบ็นท์อีก
"ตูม ตูม ตูม "   อีกสามลูกถล่มลงมาซ้ำ  คราวนี้มันทำให้ร่างของพี่กระเด็นลอยไปไกลเลย   แต่บังเอิญพี่เคยโดดหอ เลยเล่นท่านิดนึง ตอนที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ สูงประมาณ  สิบเมตร   เล่นทีสามท่าเลย มีทั้งท่า ซุปเปอร์แมน เซล่ามูน จั่นเจา เฮ่งเจีย แล้วก็เต่าสะท้านฟ้า แต่แล้ว จรวดลูกที่เหลือมันก็ลอยมาทางพี่ในขณะที่พี่กำลังลอยตัว ด้วยท่วงท่าอันสวยงาม แบบว่านักกีฬาโอลิมปิค ต้องอายไปเลย  
" ช่วยด้วย  น้องเบ็นท์ช่วยด้วย  มันมาทางนี้แล้ว"   จรวดทั้งฝูงมันพุ่งตรงจะมาถึงตัวพี่แล้ว  พี่จะตายมั๊ยเนี่ย น้องเบ็นท์ช่วยเอาใจช่วยพี่ที
โปรดติดตามตอนต่อไป  
ที่นี้ มาเข้าเรื่องนี้กันต่ออีกนิดก่อน จบในวันนี้   พอพี่กลับมาบ้าน ก็เห็นพ่อของน้องเบ็นทเดินมาตรงป้อมยาม พี่กำลังตกใจ ว่าจะทำยังไงดีวะ  แบบแกเดินเข้ามาระยะปะชิด กระชับพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ  เหมือนตอนที่พวกเสื้อแดงถูกทหารปราบปรามเลย แล้วก็เหมือนตอนที่พวกเสื้อเหลืองถูกตำรวจยิงปืนแก๊สน้ำตาเข้าใส่อย่างเหี้ยมโหด พี่รู้สึกได้เหมือนกำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นเลย มองเห็นพ่อของน้องเบ็นท์เป็นตำรวจกำลังถือปืนยิงแก๊สน้ำตา คลานคืบ กระดื๊บกระดื๊บ แลบลิ้นแพรบๆ แพรบๆ ส่ายหัวไปมา เอ๊ย นั่นมันตัวเหี้ยแล้ว โทษที  พ่อของน้องเบ็นท์กำลังถือปืนเดินจังก้าเข้ามา เรื่อยๆ อย่างไม่มีความเกรงกลัวหรือเมตตาต่อหนุ่มน้อยหน้าใส ที่มีใจรักชาติอย่างพี่ เสียงบนเวที บอกว่า พี่น้องประชาชน อย่ากลัวมัน  บุกเข้าไปเลย  (แล้วมึงทำไมไม่ลงมาลุยกับกูด้วยวะ เนี่ยพวกกูบุกลุยอยู่ฝ่ายเดีย แม่งตะโกนสั่งอยู่ได้ โน่นมันตำรวจมือปืนนะโว๊ย ไม่ใช่ถือไม้ตำหมาก แม่งจะให้กูบุกลูกเดียว เสียวนะโว๊ย)   พ่อน้องเบ็นท์จำปืนอย่างมั่นคงแล้วยิงกระสุนแก๊สเข้าใส่พี่ กระสุนยิงมากกกก  รักจริงๆโว๊ย

 

  
 
จากความเดิมตอนที่แล้ว
" ช่วยด้วย น้องเบ็นท์ช่วยด้วย มันมาทางนี้แล้ว" จรวดทั้งฝูงมันพุ่งตรงจะมาถึงตัวพี่แล้ว พี่จะตายมั๊ยเนี่ย น้องเบ็นท์ช่วยเอาใจช่วยพี่ที  แล้วก่อนที่จรวดทั้งฝูงมันจะมาถึงต่อพี่ คุณปูกลัวเมียเขาก็แปลงร่างกลายเป็นร่างยักษ์มาดึงตัวพี่ได้ก่อน แต่แปลกใจที่ทำไมจรวดทั้งฝูงมันถึงกระเด็นกระจายออกไป เบี่ยงทิศออกไปนอกโลกได้แบบฉิวเฉียดตอนที่พี่กำลังตกใจนั้น
คุณปูกลัวเมีย แกเอาพี่เข้ามาอยู่ในยาน แล้วเปิดภาพดูเหตุการณ์ย้อนหลังอีกที หลายๆครั้งให้พี่นึกว่ามันเป็นเพราะอะไร เพื่อให้พี่จำอะไรบางอย่างที่เหมือนลืมไปแล้ว  ให้นึกขึ้นให้ได้  แกลุ้นพยายามมากเลย  พี่ก็บอกว่าปกติพี่ก็ชอบฝึกบริกรรมภาวนา นั่งสมาธิ ฝึกพลังจิต และใฝ่ฝันจะเป็นยอดมนุษย์อยู่แล้ว ก็มีที่จินตนาการเกี่ยวกับตัวเองเอาไว้มากมาย เขียนเป็นบทท่องเลย มี89ข้อด้วยกัน
" คุณแอท คุณพอจำตัวเองเมื่อสองสามปีที่แล้วได้มั๊ยว่าคุณไปฝึกอะไรไว้ และทำอะไรบ้าง " คุณปูกลัวเมียแกตั้งคำถามๆพี่อย่างกับว่าพี่เป็นพวกซีไอเอ หรือเจบีพี เอ๊ยเคจีบี หรือพวกมอสสาด หน่วยราชการลับอันโด่งดังของอเมริกา รัสเซีย และอิสราเอล แต่ตอนนี้ เขาว่ากันว่าเครือข่ายของพวกฮิสบัลเลาะห์นี่แน่นมากทั้งองค์กรทางการเมือง องค์กรทางศาสนา และองค์กรทางการทหาร  อาจจะเหนือกว่าพวกโลกตะวันตกเลย  
"ว่าไงคุณแอท จำได้บ้างมั๊ย  นี่ที่ผมมายังโลกนี้ก็เพราะว่าผมรับทราบเรื่องที่คุณเคยช่วยพวกเพื่อนของผมและชาวโลกคนอื่นๆเอาไว้เมื่อสองสามปีมานี่ และที่สำคัญคลื่นสมองของคุณในตอนนั้นมันมีพลังมากขึ้น และคุณกำลังมีตบะจิตตบะความคิดที่จะเป็นผู้พิทักษ์ผู้สร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลคนต่อไป หลังจากท่านผู้นั้นได้ละวาง และบรรลุธรรมเข้าถึงพระนิพพานไปแล้ว  ก็มีท่านนี่แหละที่เป็นมนุษย์และคิดแบบนี้อีกคน " 
  
 คุณปูกลัวเมีย แกตั้งใจมาก และดูแกจะเริ่มเครียดกับตัวของพี่ซะแล้ว พี่ก็งงตัวเองเหมือนกัน มันเหมือนฝันปนเรื่องจริง  ปัญหาเริ่มตกอยู่ที่แล้ว ว่าที่เราเคยฝันๆมันเป็นตัวเราจริงหรือเปล่าหรือว่าเราคิดไปเอง เหมือนตอนแรกๆตอนที่น้องเบ็นท์ยังอยู่ม.1 โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ แล้วพี่แต่งเพลงรักให้น้องเบ็นท์ แต่ร้องให้น้องไบร๊ทกับน้าแดงฟัง แล้วพี่ก็คิดว่าตัวเองสามารถแต่งเพลง เล่นดนตรีคีย์บอร์ด เปียโนได้อย่างไพเราะเพาะพริ้ง ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ มีผู้คนมายืนดูและถ่ายรูปพี่ กันอย่างมากมาย ตอนนั้นที่ร้องเพลงที่แต่งให้น้องเบ็นท์ครั้งแรก ก็เพราะว่ามองเห็นตัวเองในแบบนั้นอยู่เสมอ แต่ก็ยังคงงง เพราะตอนนั้นไม่มีคีย์บอร์ด ซักเครื่อง แล้วจะเป็นไปได้ยังไง แต่ก็อยากทำ ในใจมันบอกว่าต้องทำ และทำได้แน่  พี่คิดหนักถึงตัวเองในอดีตว่าเคยทำอะไรมาวะ  
  
" ว่าไงครับ คุณแอท อย่าให้ผมต้องเสียเวลาไปกับคุณให้มากกว่านี้เลยนะครับ เอาล่ะผมนึกได้แล้ว ผมจะให้คุณนอนในเครื่องย้อนความทรงจำ เผื่อจะช่วยให้คนนึกอะไรได้บ้าง "
 
คุณปูกลัวเมีย แกพาพี่เดินเข้าในชั้นในของยาน ที่มีห้องมากมายสลับซับซ้อนดูไฮเทคล้ำยุคอย่างมากมาย มีแผงควบคุมหลายอย่างในตำแหน่งที่นั่งหลายๆที่ มีแสงสีว๊อบแว๊บอยู่ตลอดเวลา และมีภาพเฮโลกราฟฟิค รายงานสถานการณ์ในแต่ละแกแล๊คซี่ให้ชมอยู่เสมอ และพี่ได้ยินเสียงสนทนาโต้ตอบกันเป็นภาษาชาวโลก และชาวต่างดาว ต่างมิติมากมายภายในห้องนี้ 
  
" เอาล่ะถึงแล้วครับ เชิญคุณแอทนอนลงไปบนเก้าอี้ตัวนี้เลยครับ ไม่ต้องตกใจนะ" พี่ยอมทำตามที่แกบอกเพราะว่า ก็อยากรู้ตัวเองเหมือนกันว่าเคยไปทำอะไรไว้เมื่อสองสามปีที่แล้วมาจริงๆรึเปล่า
  
" เอาละนะ เครื่องจะเริ่มทำงานแล้วนะครับ "  พอแกพูดจบ ก็มีกล่องเหล็กมาครอบร่างพี่ แล้วแล้วก็มีภาพแปลกๆภายในกล่องนั้น พี่เริ่มรู้สึกตัวเองว่าเหมือนลอยอยู่ในอวกาศแล้วพุ่งไปอย่างรวดเร็วผ่านลำแสงมากมาย แล้วก็มาเห็นตัวเองในอดีต  ที่ยังแลดูเครียด และน่าสงสาร
  
" แอทเอ๊ย เพียงเพื่อความรักน้องเบ็นท์ และเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทำให้เอ็งต้องมีฝึกพลังแห่งรัก เพื่อจะช่วยให้มวลมนุษย์และสรรพสิ่งต่างๆ มีความร่มเย็นเป็นสุข " 
 
 ลุงหมอที่ซอยวัดด่านสำโรงนี่เอง   อ้าวแล้วตอนนี้ลุงหมอหายไปไหนกันล่ะ
  
พี่มองเห็นภาพอีกภาพขึ้นมาทันที 
"แอทหนีไป ไม่ต้องห่วงลุง ตอนนี้เอ็งยังฝึกวิชาไม่สำเร็จดี เอ็งสู้พวกมันไม่ได้หรอก พวกมันไม่ใช่คน หนีไป" 
 
   เสียงลุงหมอ ร้องตะโกนอย่างเจ็บปวด และแสดงความห่วงใยในตัวพี่ เหมือนแกฝากความหวังอะไรบางอย่างเอาไว้กับพี่    แล้วพี่ก็เห็นภาพอีกภาพหนึ่งขึ้นมาทันที
  
" นี่เป็นคัมภีร์พลังแห่งรัก หากใครได้อ่านมันหรือฝึกมันจนสำเร็จแล้ว จะมีพลังที่ช่วยเหลือทุกสรรพสิ่งในจักรวาลให้พ้นทุกข์มีความสุขอย่างยั่งยืนได้  " 
   ลุงหมอพูดพร้อมกับส่งคัมภีร์เล่มนั้นให้พี่อ่าน แล้วพี่ก็หยิบมาเปิดอ่านเล่นๆ โดยไม่คิดว่าเป็นจริง กลับคิดว่าเรื่องที่แกพูดคงจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อซะด้วยซ้ำ   แล้วก็เผลอหลับไป
  
" อ้าวไอ้แอท หลับไปจนได้  เฮ๊ย นี่มันเปิดคัมภีร์พลังแห่งรักอ่านมาจนถึงหน้านี้เลยหรือ แย่แล้ว ตอนนี้มันรักกับน้องเบ็นท์ แต่มันมาอ่านคัมภีร์พลังแห่งรักถึงหน้านี้ มันคงต้องเจออุปสรรคเรื่องความรักกับน้องเบ็นท์อย่างที่มันแทบเสียสติแน่ๆ  ใครก็ตามที่มีรักอย่างล้นใจเมื่อได้อ่านคัมภีร์พลังแห่งรักถึงหน้านี้ จะต้องสูญเสียความสุขเรื่องรักไปถึง 9ส่วน เพื่อให้สร้างขึ้นใหม่ด้วยพลังแห่งรัก เพื่อทุกสรรพสิ่งในจักรวาล จนกว่าจะพิสูจน์รักแท้ของใจตัวเองที่มีต่อผู้ที่ตนรักได้สำเร็จ    " 
 
   ลุงหมอพูดจบก็วางคัมภีร์พลังแห่งรักไว้ใกล้ตัวพี่
  
" มันคงต้องเจอบททดสอบใจครั้งใหญ่ มันจะทนกับความเจ็บปวดรวดร้าวใจเรื่องน้องเบ็นท์ได้หรือไม่    มันอาจจะต้องเสียสติ กับความผิดหวังในความรักที่มีต่อน้องเบ็นท์ได้เลยนะเนี่ย  " ลุงหมอแกพูดพลางน้ำตาไหลพรากออกมา ด้วยความสงสารในความรักที่พี่มีต่อน้องเบ็นท์อย่างหมดใจ
  
" แอทเอ๊ย ขอให้เอ็งฝึกพลังแห่งรักได้สำเร็จ หรืออ่านแล้วเข้าใจ เพื่อให้เอ็งได้มีพลังที่จะช่วยให้มวลมนุษย์และสรรพสิ่งต่างๆ มีความร่มเย็นเป็นสุข แล้วเอ็งจะได้กลับมาสมหวังในความรักกับน้องเบ็นท์ที่เอ็งรักได้  อย่างน้อยถ้าเอ็งได้ผ่านการทำความดีเพื่อความรักต่อน้องเบ็นท์ มากเพียงพอ หากเอ็งได้ช่วยเหลือผู้คนและสรรพสัตว์มากเพียงพอเอ็งจะได้พบความสุขกับน้องเบ็นท์ที่เอ็งรักในที่สุดอย่างแน่นอน ลุงขอเอาใจช่วยเอ็งอีกคนนะ สู้เขานะไอ้แอทเอ๊ย  ลุงเชื่อว่าคนอย่างเอ็งต้องทำได้ " 
 
   แล้วพี่ก็เห็นภาพการต่อสู้ของพี่กับคนมากมาย ทั้งที่เป็นคนและไม่ใช่คน   พี่ร้องไห้เสียใจอย่างแทบคลั่ง เมื่อมองเห็นศพของลุงหมอแกจมกองเลือดอยู่กับพื้น พี่ใช้พลังที่มีมากมาย และพลังแสงบางอย่างจากตัวพี่มันก็ทำลายทั้งคนและสิ่งที่ไม่ใช่คนเหล่านั้นให้สูญสลายหายไป พร้อมกับการล้มหมดสติของพี่  
 
" ใช่ผมจำได้แล้วครับคุณปูกลัวเมีย"  พี่อุทานออกมา แล้วกล่องเหล็กนั้นก็เปิดออก
" แสดงว่าคุณรู้ตัวแล้วซิว่าคุณเป็นผู้สืบทอดพลังแห่งรัก เพื่อพิทักษ์และสร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลแห่งนี้ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข " 
 
  คุณปูกลัวเมียเอ่ยคำพูดที่ตรงกับสิ่งที่พี่ชอบบริกรรมภาวนาอยู่ในใจตลอด  ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้พี่รู้แล้ว
 
" ผมล้มหมดสติไปกับเหตุการณ์ในวันนั้น และตื่นมาพบว่ามีคนนำผมไปส่งที่โรงพยาบาล แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดี อย่างช่วยบริจาคเลือด ก็เลยบอกนางพยาบาลที่โรงพยาบาลในอยุธยา ว่าจะขอบริจาคเลือด ก็เลยได้บริจาคเลือด"   
 
     ใช่นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พี่ได้มาบริจาคเลือดที่สภากาชาดอยู่เสมอทุกเดือน เพื่อบริจาคเกร็ดโลหิต ซึ่งต้องเจาะเลือดทั้งสองแขน และนอนบริจาคอยู่ประมาณสองชั่วโมง บางทีก็สองชั่วโมงกว่า เพราะนางพยาบาลตั้งระบบเกิน และนางพยาบาลก็จะให้ยาเพื่อบำรุงแก่พี่
 
" ใช่ครับที่คุณไปบริจาคเลือดที่สภากาชาด มีพวกของเราอยู่ที่นั่นและนำเลือดของคุณไปทดสอบคุณสมบัติ จนแน่ใจว่าคุณใช่ผู้สืบทอดพลังแห่งรักอย่างแท้จริง "
 
คุณปูกลัวเมียพูดอย่างนั้นทำให้พี่แปลกใจกับความสัมพันธุ์กับนางพยาบาลสาวสวยมากมายที่รู้สึกว่าสนิทและบริการพี่ดีเป็นพิเศษ  ที่แท้พวกเธอไม่ใช่มนุษย์โลกเราหรือเนี่ย   อะไรกันในกรุงเทพมหานคร ฯ มีพวกมนุษย์ต่างดาวมาปะปนอยู่อย่างลึกซึ้งกับมนุษย์เราถึงขนาดนี้เชียวรึ  
 
" ไม่ต้องแปลกใจครับ คุณแอท  ที่จริงพวกเราชาวต่างดาวหลากหลายเผ่าพันธุ์ได้อาศัยอยู่ร่วมกันกับบรรพชนมนุษย์ของพวกคุณมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์แล้ว หลังจากที่พวกเราเดินทางสำรวจดวงดาวต่างๆในจักรวาล และหลบหนีการโจมตีของไอ้พวกนั้นที่มันไล่ฆ่าพวกเรามาเมื่อกี้ ยังไงล่ะ "
 
    พอพี่ได้ฟังแล้วก็ถึงกับต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาอยู่ในขณะนี้เลย   
"มันเป็นเรื่องจริงหรือเนี่ย " พี่อุทานออกมาอีกครั้งหนึ่ง  
 
" เป็นเรื่องปกติครับ แล้วคุณคงจะพอนึกออกถึงท่านพระอาจารย์ที่สอนวิชาสติปัฏฐานสี่ ให้คุณที่จิตภาวัน ที่พัทยาใต้ ท่านก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งติดต่อกับพวกเรา และได้แนะนำให้เราติดตามดูคุณยังไงล่ะ  "  
  เอาอีกแล้ว พี่ฟังแล้วถึงกับช๊อคไปเลย อะไรมันจะขนาดนี้วะเนี่ย มันเหลือเชื่อจริงๆเลย
 
"ครับ ที่จริงแล้ว พวกเรายังแทรกซึมอยู่ในองค์กรต่างๆของโลกอีกมากมาย และเราก็เป็นผู้ที่ช่วยคุ้มครองโลกและสรรพสิ่งต่างๆบนโลกร่วมกับพวกมนุษย์ที่มีพลังพิเศษ และมีวิทยาการอันล้ำยุคซึ่งได้ไช่วยโลก ให้ปลอดภัยทุกครั้งมายังไงล่ะ  " 
 
  พอพูดจบสัญญาณเตือนของคอมพิวเตอร์ในยานก็เตือนให้รู้ว่าตอนนี้ พวกฝ่ายศัตรูสามารถแทรกแซงระบบอำพรางของยานเข้ามาได้แล้ว    ซึ่งในอีกไม่กี่นาทีระบบอำพรางของยานจะหมดพลังลง
 
"แย่แล้ว พวกมันสามารถแฮกระบบอำพรางของยานลำนี้ได้แล้ว  อีกไม่ช้าพวกมันคงจะจับสัญญาณของยานลำนี้ได้ " 
 
ไม่ทันพูดจบ สัญญาณเตือนภัยของยานก็แสดงภาพอาวุธนำวิถีของฝ่ายศัตรู  มันเป็นจรวดรูปทรงแปลกๆ คล้ายสิ่งมีชีวิต แต่มีสมองกลอันอัจฉริยะมาก มันพร้อมจะยิงออกมาแล้ว หากระบบอำพรางของยานหมดลงเมื่อไร   
 
 
 
 
                                               

                             
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม   2555

                                                       
 

จากความเดิมตอนที่แล้ว
"ครับ ที่จริงแล้ว พวกเรายังแทรกซึมอยู่ในองค์กรต่างๆของโลกอีกมากมาย และเราก็เป็นผู้ที่ช่วยคุ้มครองโลกและสรรพสิ่งต่างๆบนโลกร่วมกับพวกมนุษย์ที่มีพลังพิเศษ และมีวิทยาการอันล้ำยุคซึ่งได้ไช่วยโลก ให้ปลอดภัยทุกครั้งมายังไงล่ะ  " 
 
  พอพูดจบสัญญาณเตือนของคอมพิวเตอร์ในยานก็เตือนให้รู้ว่าตอนนี้ พวกฝ่ายศัตรูสามารถแทรกแซงระบบอำพรางของยานเข้ามาได้แล้ว    ซึ่งในอีกไม่กี่นาทีระบบอำพรางของยานจะหมดพลังลง
 
"แย่แล้ว พวกมันสามารถแฮกระบบอำพรางของยานลำนี้ได้แล้ว  อีกไม่ช้าพวกมันคงจะจับสัญญาณของยานลำนี้ได้ " 
 
ไม่ทันพูดจบ สัญญาณเตือนภัยของยานก็แสดงภาพอาวุธนำวิถีของฝ่ายศัตรู  มันเป็นจรวดรูปทรงแปลกๆ คล้ายสิ่งมีชีวิต แต่มีสมองกลอันอัจฉริยะมาก มันพร้อมจะยิงออกมาแล้ว หากระบบอำพรางของยานหมดลงเมื่อไร   
" ระบบอำพรางกำลังลดพลังเหลือ  "  เสียงคอมพิวเตอร์เตือนขึ้น  และเริ่มนับถอยหลัง
" 42 41 40 36 32 26 23 19 15 14 12 10 9 8 7 6 5 4 2  0% "
" ระบบอำพรางเหลือพลังศูนย์เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่สามารถทำการได้อีก ต้องพักระบบฟื้นพลัง 15 นาที "   ระบบคอมพิวเตอร์ยังคงรายงานให้ทราบ
พี่ตื่นเต้นมากเลยน้องเบ็นท์ แต่ก็ไม่ถึงกับกลัวนะ  ไม่รู้ว่าเพราะอะไร 
" แล้วเราจะทำยังไงดีครับ คุณปูกลัวเมีย "  ผมตั้งคำถามไปยังเพื่อนชาวต่างดาว ด้วยความตื่นเต้น และไม่ได้กลัวอะไร เหมือนกับมีความมั่นใจในอะไรบางอย่าง ที่ตัวเองยังไม่รู้
"ไม่เป็นไรครับ เพียงแค่ อย่างนี้ไง "   พอพูดจบ เสียงพุ่งผ่านไปของจรวดลูกหนึ่งจากยานบินสังหารของพวกดาวพิกกาจู้ ก็สร้างแรงเสียดสีกับผิวของตัวยานที่พี่กำลังโดยสารอยู่นั่นเอง 
"เฟี้ยว "   ลูกที่สองยังคงตามมา  "เฟี้ยว " มันเฉียดๆเกือบโดนตัวยานด้านข้างที่พี่นั่งอยู่แต่ด้วยฝีมือการบังคับยานของคุณปูกลัวเมีย เลยยังรอดไปได้ แต่แล้วภาพเฮโลกราฟฟิคภายในยานก็แสดง ฝูงยานบินสังหารอีกฝูงใหญ่ของชาวพิกกาจู้ กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา  แต่ยังอยู่ห่างออกไปประมาณ 40 ไมล์ 
" กำลังมียานบินสังหารจากฝ่ายศัตรูเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เราแล้ว  จะให้ดำเนินการอย่างไรแจ้งด้วยครับท่านกัปตัน "  เสียงเตือนจากระบบคอมพิวเตอร์ภายในยานแจ้งปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น และเหมือนเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์อยู่แล้วเพียงแต่รอคำสั่งจากคุณปูกลัวเมียเท่านั้น 
" สร้างระบบปลอมตัว ให้เรดาห์ยานบินของศัตรูมองผิดคิดว่าเป็น ยานพวกเดียวกัน "  คุณปูกลัวเมียสั่งการทันที  ระบบคอมพิวเตอร์ภายในยานเริ่มทำงาน 
ภาพเรดาห์ในยานบินของศัตรู จับภาพได้เป็นยานพวกเดียวกัน  จึงเช๊คไปที่ยานพวกเดียวกันอีกลำที่กำลังติดตามเราอยู่
" ขอทราบด่วน พิกัดที่ 23 นาฬิกา เป็นยานฝ่ายเดียวกับเราใช่หรือไม่ " ภาพผู้พันอาอาดา ภายในยานอีตัส ซึ่งเป็นยานแม่ ที่กำลังนำฝูงบินสังหารเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้โลก ผ่านทางมิติอวกาศ เพื่อหลบสัญญาภาพจากดาวเทียมของโลกมนุษย์ ที่ใช้ตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมนอกโลก ยานอีตัสเป็นยานบินรบอวกาศ ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับ พื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา รวมกัน พร้อมด้วยฝูงบินรบที่ทรงอานุภาพ มากกว่าร้อยลำ เตรียมพร้อมมาบุกโลก โดยหวังที่จะซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งทางซีกโลกเหนือและในมหาสมุทรแปซิฟิค  ยานอีตัสจึงเป็นยานบินรบอวกาศที่ยิ่งใหญ่มาก
 " เรียนท่านผู้พันอาอาดา ภาพที่ท่านเห็นเป็นยานของชาวดาวกุ๊กกู   ซึ่งมันได้ใช้ระบบปลอมตัวสร้างภาพหลอกเรดาห์ในยานของท่านครับ " กัปตันอีเค จากยานออกัส  ซึ่งมีรูปร่างคล้ายปลาหมึกผสมกับไก่ พูดรายงานสถานการณ์ตามความเป็นจริง 
" อย่างงั้นเหรอ  จะให้ผมช่วยจัดการกับมันมั๊ย ท่านกัปตันอีเค "   ผู้พันอาอาดา พูดด้วยใบหน้าสุขุมแต่มีรอยยิ้มที่มุมแก้มเล็กน้อย บ่งบอกถึงความมั่นใจในกำลังอำนาจของตนเอง ที่ควบคุมกองกำลังนับหมื่นในขณะนี้ และมีชื่อเสียงเกรียงไกรในการนำทัพบุกเอาชัยให้กับอาณาจักรพิกกาจู้มานับร้อยครั้ง
" ไม่ต้องลำบากท่านหรอกครับ  ผมกับพวกก็เพียงพอที่จะจัดการพวกมันได้แล้วครับ " กัปตันอาอาดา รีบพูดตัดบท เพราะกลัวถูกแย่งความดีความชอบหรือหาไม่ อาจจะถูกผู้พันอาอาดา สร้างเรื่องเก็บตนเอง ที่ทำงานผิดพลาดได้
"งั้นขอให้โชคดีนะ" ผู้พันอาอาดา กล่าวแสดงคำอวยพรให้กำลังใจอย่างมีเลศนัย
" ท่าทางมันจะรู้ทันเราแล้วแน่ๆ ไอ้อีเค "  คุณปูกลัวเมีย พึมพำกับตัวเอง เพราะคิดว่าระบบปลอมตัวของยานกูสู้ คงหรอกคนอย่างอีเคได้ไม่นาน  เขาจึงต้องคิดหาวิธีการใหม่เอาไว้เตรียมรับศึกต่อไป
 "ใช้ระบบมิติอวกาศ บินไปอยู่ด้านหลังของมันก่อน " พูดจบเสียงภายในยานก็ดังแปลก และมีแสงไฟแปลกเกิดขึ้น  ที่จอภาพ เริ่มมีกลุ่มแสงจำนวนมากพุ่งเข้ามาหายาน  แต่ภายนอกยานเกิดเป็นปล่อง หลุมแสงเกิดขึ้น แล้วทันใดยานกูสู้ก็หายไปในปล่องแสงนั้น
" มันหายไปแล้ว  "  เจ้าหน้าที่ประจำยานออกัส ตื่นตกใจกับภาพที่เห็น 
" ท่านค่ะมันคงใช้ระบบมิติอวกาศแน่ๆเลย "  เจ้าหน้าที่หญิงประจำยานออกัสกล่าวแสดงความคิดเห็นต่ออีเค ซึ่งกำลังคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์อยู่ 
" ใช่แล้วมันต้องมาโจมตียานเราทางด้านหลังอย่างแน่นอน เตรียมพร้อมระวังหลัง กองปืนระวังหลังเตรียมตัว  ปล่อยสนาเกอร์  (จรวดที่มีลักษณะเป็นหุ่นคล้ายปลาหมึก) โจมตีพวกมัน "  อีเคคิดได้จึงรีบตัดสินใจปล่อยอาวุธร้ายกาจที่แสนฉลาดทันที เพราะได้เตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
" ตูม ตูม " ช้าไป ยานกูสู้ของคุณปูกลัวเมียมาโผล่ที่ด้านหลังของยานออกัส พร้อมกับยิงจรวดถล่มใส่ยานออกัสทันที่ที  
" เป็นไปตามคาดการณ์ไว้จริงๆ  " อีเค นึกเจ็บใจที่ประมาท 
แต่พอยานออกัสถูกโจมตีด้วยจรวดของยานกูสู้ ฝูงสนาเกอร์จำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่ยานกูสู้ทันที  พวกมันเคลื่อนไหวได้เหมือนปลาหมึก แถมยังมีปืนกลขนาดเล็กแอบซ่อนเอาไว้ในปาก และเริ่มยิงใส่ยานกูสู้อย่างไม่ยั้ง
"ปังๆๆๆๆ "  เสียงปืนกลจากปากของสนาเกอร์ดังขั้นหลายนัด และจากหลายตัวด้วยกัน 
"แย่แล้ว พวกสนาเกอร์ที่โด่งดัง และร้ายกาจ  คุณแอทจับที่นั่งเอาไว้ให้ดี เราท่าจะเจอศึกหนักเข้าแล้ว เจ้าพวกอาวุธสมองกลพวกนี้มันเก่งมาก มันมีระบบความคิดเป็นอิสระกึ่งถูกบังคับ  หนวดของพวกมันนี่สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง  ถ้ามันมาเกาะติดยานเราได้ ท่าจะแย่แน่ๆ "  พอคุณปูกลัวเมียพูดจบ สนาเกอร์ตัวหนึ่งก็เล็ดรอด พุ่งมาเกาะที่ด้านบนของยานกูสู้ได้อย่างเหลือเชื่อ และกำลังใช้หนวดปลาหมึกของมันปล่อยไฟร้อนเจาะทะลวงผิวผนังของยานกูสู้ลงมาด้านในยาน 
"แย่แล้ว มีสนาเกอร์ตัวหนึ่งมันเกาะติดยานจากทางด้านบนของยานได้แล้ว  คุณแอทช่วยไปนั่งตรงเก้าอี้นั้นแล้วใส่หมวกอันนั้นทีครับ"  คุณปูกลัวเมียชี้ไปทางที่นั่งด้านซ้ายที่อยู่ห่างออกไปห้าเมตร เพื่อให้พี่ไปนั่งตรงนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
โปรดติดตามตอนต่อไป นะจ้ะที่รัก 
เดี๊ยวตอนนี้พี่จะไปเล่นฟุตรบอลกับน้องชายของพี่ก่อนละนะ
                                                   โชคดีน้องเบ็นท์ขี้แตกMoney mouth

 


 
จากความเดิมตอนที่แล้ว
"แย่แล้ว มีสนาเกอร์ตัวหนึ่งมันเกาะติดยานจากทางด้านบนของตัวยานได้แล้ว  คุณแอทช่วยไปนั่งตรงเก้าอี้นั้นแล้วใส่หมวกอันนั้นทีครับ"  คุณปูกลัวเมียชี้ไปทางที่นั่งด้านซ้ายที่อยู่ห่างออกไปห้าเมตร เพื่อให้พี่ไปนั่งตรงนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
"คุณแอทใส่มันแล้วนึกถึงอาวุธที่ควรอยากใช้สู้กับมัน เหมือนคุณเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์เสมือนจริง เข้าจะมองเห็นพวกสนาเกอร์ที่อยู่ด้านนอกยานได้  แล้วจัดการมันเลย เอาตามใจชอบเลยนะ   "  พอคุณปูกลัวเมียพูดจบพี่ก็ลองทำตาม พอสวมหมวกนั้นปั๊บ ก็รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดมันเหมือนกำลังเปิดหนังดู หรือกำลังเข้าสู่โลกของเกมส์คอมพิวเตอร์ น้องเบ็นท์เคยดูไอรอนแมนใช่มะ  เออมันเห็นอะไรคล้ายอยู่ในเกมส์กับอยู่ในชุดเกราะไอรอนแมนเลย รู้สึกว่ามันจะเป็นการเอาพลังงานจิตของผู้สวมใส่ซึ่งมีพลังแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่แล้ว อยู่ที่บุญบารมีบาปบุญของแต่ละคนว่าจะปล่อยกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาได้มากแค่ไหน แล้วเจ้าเครื่องนี้มันจะช่วยดึงเอาพลังงานจากรอบนอกยาน และพลังงานจากอีกมิติจักรวาลเข้าสร้างเป็นอาวุธให้เรา ตามที่ใจเรานึก 
" เฮ้ย เยี่ยมไปเลย เราออกมาอยู่นอกยานได้ไงวะเนี่ย เห็นพวกมันแล้ว "  ตัวพี่อีกร่างเหมือนกับถอดวิญญาณได้กำลังออกมาอยู่ในยาน และทั่วร่างกายก็มีกลุ่มแสง และกระแสพลังงานแปลกๆวิ่งไปมา กำลังจะรวมตัวกลายเป็นอะไรบางอย่างตามที่ใจของพี่นึกเลย มันเป็นกระแสพลังงานที่มีหลายสีมาก    
"ฮ่า ๆ งั้นขอให้เป็นกงจักรแล้วกัน  ไอ้พวกนี้มันต้องถูกตัดหนวดกันซะบ้าง หนวดยาวเยอะแยะไปหมดเลย  " ว่าแล้วกระแสพลังงานรอบตัวพี่ก็เปลี่ยนกลายเป็นกงจักรมากมายที่พร้อมจะทำงานตามสั่ง  มีเสียงพูดขึ้นมา 
" ยินดีรับใช้ค่ะคุณแอท ดิฉันคืออาวุธของท่าน ชื่อ กาเมร่า  "  เสียงสนทนาอันหวานซึ้งจากพลังงานที่กำลังเคลื่อนตัวไหลผ่านไปตามร่างกายของพี่เธอเป็นผู้หญิง ที่พูดจาได้น่าฟังมากเลย  
"เอ้า อย่างงี้ก็มันส์ล่ะสิ  กาเมร่า ตัดหนวดพวกมันให้หมดเลยนะ " พี่สั่งการทันทีเลย   
" จะรีบปฏิบัติเดี๋ยวนี้เลยค่ะ  เริ่มต้นกันที่หนวดก่อนเลย"  แล้วกงจักรนับพันก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วพุ่งไปตัดหนวดของเจ้าพวกสนาเกอร์ อย่างรวดเร็ว จนพวกมันร่วงหล่นมันสามารถแสดงฤทธิ์เดชอะไรได้แล้ว  
" แจ๋วมาก คุณแอท "  คุณปูกลัวเมียเห็นจากจอภาพ ว่าพี่ักับอาวุธสาวกาเมร่าทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีมาก 
" ผมนึกแล้วว่าคนอย่างคุณต้องทำได้  ไอ้เรื่องประจ๋อประแจ๋กับผู้หญิงนี่หละก้อ คุณมีความสามารถดีนักจริงๆเลย คุณแอท  ฮะฮะ "  คุณปูกลัวเมียพูดพลางหัวเราะชอบใจกับผลงานที่พี่ทำสำเร็จ 
" กาเมร่า อย่าเพิ่งฆ่าพวกมันสนาเกอร์นะ " พี่รีบพูดขัดกาเมร่า ก่อนที่เธอจะจัดการสังหารพวกมัน คืออเจ้าสนาเกอร์ 
" ทำไมล่ะคะคุณแอท "  กาเมร่าสงสัย แต่ก็สัมผัสได้ถึงจิตใจอันดีงามของพี่
" ถึงยังไงพวกมันก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน  เหมือนกับเธอไง ถึงแม้พวกมันจะเป็นเพียงจักรกลก็ตามเถอะ เรามาทำลายระบบโปรแกรมของพวกมัน ให้พวกมันมีจิตใจที่ดีกันดีกว่า เธอแทรกซึมเข้าไปในระบบโปรแกรมของพวกมันได้ไม่ใช่รึ " พี่คิดว่าทุกสรรพสิ่งก็มีคุณค่าในตัวเอง เพียงแต่ว่าถ้าเราให้โอกาสเขา หรือทำการปรับเปลี่ยนเขา เราก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
" ทำได้ค่ะคุณแอท  ดิฉันคิดไว้เหมือนกันว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้  สมแล้วกับที่ท่านผู้นั้นกล่าวเอาไว้ว่า หากเป็นคุณปกครอง ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลคงอยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุขแน่ๆ  จะรีบดำเนินการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ "   แแล้วกาเมร่าอาวุธอัจฉริยะของพี่เธอก็จัดการแทรกซึมเข้าไปในระบบของสนาเกอร์ทุกตัว เพื่อเปลี่ยนโปรแกรมให้เป็นมิตรกับสรรพสิ่งต่างๆ แต่ป้องกันตัว หรือช่วยผู้ประสบภัยที่มีจิตใจดีงามได้ โดยอ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาว่าเป็นเบต้าลบ หรือเป็นอัลฟ่า หรือเป็นกระแสอิออนลบหรือกระแสอิออนบวกมากกว่ากัน
แต่ทางยานออกัสของกัปตันอีเค ก็กำลังดูสถานการณ์ และเห็นว่ากำลังเสียเปรียบจึงรีบใช้จรวดชุดใหญ่ พร้อมด้วยสนาเกอร์อีกฝูงใหญ่ยิงออกมา    มาคอยดูกันว่า กาเมร่าจะแก้โปรแกรมของพวกสนาเกอร์ได้ทันเวลา เพื่อให้มาช่วยพี่และคุณปูกลัวเมียให้รอดพ้นจากกองกำลังรบของกัปตันอีเค แห่งยานออกัสได้หรือไม่  
โปรดติดตามตอนต่อไป 
ก็แค่นี้ก่อนนะที่รัก  เดี๋ยวตอนเย็นวันศุกร์เจอกัน จะหอมตูดน้องเบ็นท์ให้ชื่นใจเลย แต่ต้องไปที่ป่ากล้วยนะ
                                รักน้องเบ็นท์เสมอ


 
วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธุ์  2555
วันนี้แก้ไขเว็บบอร์ดใหม่  คงเป้นเพราะเว็บบอร์ดแน่ๆเลยทำให้หน้าเว็บผิดปกติใหญ่โตมาก         มีข่าวดีเร้วๆนี้  พี่จะตั้งคณะบุคคล เพื่อเป็นสำนักงานทำเว็บไซต์นี่้อย่างจริงจัง รวมทั้งงานการแสดงด้วย   
                                                    คิดถึงหัวเถิกเสมอ

จากความเดิมตอนที่แล้ว
  แแล้วกาเมร่าอาวุธอัจฉริยะของพี่เธอก็จัดการแทรกซึมเข้าไปในระบบของสนาเกอร์ทุกตัว เพื่อเปลี่ยนโปรแกรมให้เป็นมิตรกับสรรพสิ่งต่างๆ แต่ป้องกันตัว หรือช่วยผู้ประสบภัยที่มีจิตใจดีงามได้ โดยอ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาว่าเป็นเบต้าลบ หรือเป็นอัลฟ่า หรือเป็นกระแสอิออนลบหรือกระแสอิออนบวกมากกว่ากัน
แต่ทางยานออกัสของกัปตันอีเค ก็กำลังดูสถานการณ์ และเห็นว่ากำลังเสียเปรียบจึงรีบใช้จรวดชุดใหญ่ พร้อมด้วยสนาเกอร์อีกฝูงใหญ่ยิงออกมา    มาคอยดูกันว่า กาเมร่าจะแก้โปรแกรมของพวกสนาเกอร์ได้ทันเวลา เพื่อให้มาช่วยพี่และคุณปูกลัวเมียให้รอดพ้นจากกองกำลังรบของกัปตันอีเค แห่งยานออกัสได้หรือไม่  
" กาเมร่า มันยิงจรวดมาแล้ว "  พี่รีบตะโกนบอกให้โปรแกรมอาวุธแสนอัจฉริยะเร่งแก้ไขโปรแกรมของพวกสนาเกอร์ให้เป็นฝ่ายดี 
"เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะเจ้านาย "  กาเมร่า โผล่หน้าออกมาเป็นสาวสวยแสนซน ที่ดูไปแล้วก็สวยพอๆกับ    น้องเบ็นท์ซะด้วย
ทันใดเจ้าสนาเกอร์ที่ถูกกาเมร่าแก้ไขโปรแกรมก็บินไปหาจรวด และฝูงสนาเกอร์ที่กำลังพุ่งเข้ามา ทำอะไรบางอย่างเหมือนจะต่อสู้แต่ก็ไม่สู้ แต่ทำให้เจ้าสนาเกอร์และจรวดสมองกลเหล่านั้นเปลี่ยนทิศทางการโจมตีไปทางอื่น แต่เจ้าอีเคไม่ได้ยอมย่อท้อเลิกล้มความตั้งใจที่จะจัดการกับพวกเรา  มันจัดการยิงอาวุธมหาปะลัยชุดใหม่มาทางพวกพี่อีกครั้ง   แต่คราวนี้พวกพี่ไม่มีฝูงสนาเกอร์ คอยช่วยเหลือ เพราะพวกมันมีอิสระแล้วและกำลังเดินทางไปในอวกาศ เพื่อไปยังดวงดาวอื่นๆ ที่พวกมันจะอยู่อาศัยกันได้อย่างสันติสุข 
"กาเมร่า ฉันขอบังคับเองได้ไหมคราวนี้ เธอแค่ช่วยอำนวยความสะดวก และเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ฉันก็พอนะ " พี่รีบบอกกาเมร่า เพื่อปล่อยให้พี่ได้บรรเลงเพลงยุทธเองในการจัดการกับอาวุธมหาปะลัยของยานออกัส เหมือนเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ยังไงยังงั้น
" ได้ค่ะระบบพร้อม ตั้งเป็นคุณควบคุมเอง เริ่มทำการ " กาเมร่าปรับระบบของตัวเธอ เพื่อให้พี่ออกแบบอาวุธและการต่อสู้เอง  พี่จึงจัดการให้เป็นห้องบังคับการของปืนกลและปืนใหญ่ ที่มีกระสุนเพียบเลย แล้วพี่ก็เริ่มลุยทันที
" มันต้องอย่างงั้นซี่ เอาละนะ ลุย"  พี่บังคับอาวุธด้วยตนเอง แล้วก็ซัดกระสุนปืนกลจำนวนมากตามใจต้องการ 
" ปังๆๆๆๆ"   เสียงปืนกลถูกพี่ยิงออกไป " เฟี๊ยว "  มีจรวดบางลูกจากฝ่ายศัตรูที่ยิงมาแต่ คุณปูกลัวเมียบังคับยานให้หลบได้ทัน 
" แหมเกือบไปนะ มาต่อนะ"  พี่ตั้งสติแล้วบังคับปืนกลอย่างตั้งใจอีกครั้ง " ปังๆๆๆๆๆ "   เสียงปืนกลถูกยิงไปอีก  กระสุนจำนวนมากยิงถูกจรวดมหาปะลัยอย่างแม่นยำได้มากมาย 
"บึมๆๆ " เสียงดังอันเกิดจากแรงปะทะกันระหว่างกระสุนปืนกับจรวดทำให้เกิดการระเบิดขึ้นเสียก่อนที่จะมาถึงตัวยาน
" ขอใช้ปืนสไนเปอร์เอาแบบยิงแม่นๆ" พี่ออกคำสั่งเปลี่ยนอาวุธทันที " อย่างงี้ซิ "  พี่พอใจกับอาวุธอันใหม่ที่เป็นปืนสไนเปอร์ที่ดูสวยงามและเท่ห์มาก 
"ท่านค่ะปืนอันนี้สามารถยิงได้ไกลมากกว่าปืนกลอวกาศถึง 40 เท่า ด้วยความเร็ว 49 มาร์ค ท่านสามารถยิงเข้าไปถึงห้องบังคับการได้อย่างสบายเลยค่ะ "  กาเมร่ารายงานผลให้พี่ทราบถึงประสิทธิบิภาพของปืนอันใหม่ 
"ดี งั้นเธอช่วยควบคุมปืนกลพวกนี้ให้ทำงานต่อสู้พวกมันต่อไปนะ ฉันจะจัดการใช้สไนเปอร์เก็บพวกมันในห้องบังคับการบินซะเลย " ว่าแล้วกาเมร่าก็ปรับระบบปืนกลให้เป็นระบบใหม่ที่เธอควบคุมเอง แล้วพี่ก็เล็งปืนสไนเปอร์ไปยังห้องบังคับการของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ ชนิดว่าเห็นเจ้าอีเคอย่างชัดเจนเลย 
"ใช้ปืนแสงเบก้าทำลายมัน ก่อนที่มันจะทะลวงเข้าได้" อีเคเตรียมการโจมตีขั้นเด็ดขาดโดยใช้ปืนแสงอันทรงอานุภาพที่สุด เพื่อสลายยานบินของพวกพี่ในบัดดล ก่อนที่ยานของพวกพี่จะบินฝ่าทะลวงแนวการโจมตีของพวกมันเข้าใกล้ตัวยานได้   ปืนเบก้าเริ่มทำงาน 
" พร้อมแล้วครับท่านอีเค " เสียงรายงานของผู้บังคับการยิงปืนเบก้ารายงานผลให้อีเคตัดสินใจสั่งการยิง
" เล็งไปที่ สิบห้านาฬิกา และสิบเจ็ดนาฬิกา ยิงได้"  ปืนเบก้าเริ่มทำงานแหล่งพลังงานแสงอันทรงอานุภาพจากภายในยานได้เปิดพลังปล่อยแสงออกมาผ่านกระบอกปืนทั้งสองกระบอก 
" ปัง ปัง "  แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น " อ๊าค "  "โอ๊ย "   เสียงคนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดนั่นคือผู้บังคับการปืนเบก้า ถูกกระสุนจากสไนเปอร์ที่พี่เล็งเป้าหมายเอาไว้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้บังคับการเสียชีวิตในทันที แล้วก็อีกนัดหนึ่ง สำหรับอีเค
"ปุปุ " เสียงปืนดังขึ้นอีก
"อ๊าค "  เจ้าอีเคโดนกระสุนนัดพิเศษทั้งสองลูกของพี่อย่างเต็มๆ มันล้มลงกับพื้นห้องควบคุมยานรบโดยทันที จบกันกับชีวิตอันโสมมของเจ้าอีเค
" เป็นไปได้หรือนี่ คุณแอท คุณทำได้ "  เสียงคุณปูกลัวเมียตื่นเต้นและดีใจกับความสำเร็จของพี่ที่สามารถจัดการกับเจ้าอีเคแห่งยานออกัสได้สำเร็จ 
" มันประมาทจนได้เจ้าอีเค ผู้หยิ่งทรนง " เสียงพึมพำของผู้พันอาอาดา แห่งยานอีตัส หลังจากเห็นภาพการสู้รบที่เพิ่งจบลงไป
"สั่งการให้ยานออกัสกลับมาโดยด่วน" ผู้พันอาอาดา รีบสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่่่อสารประจำยานอีตัสติดต่อให้ยานออกัสที่สูญเสียกัปตันยานรีบเดินทางกลับมายังยานแม่ที่อยู่ห่างจากโลกไป 4 ปีแสง ทางทิศตะวันออกของดาวอังคาร   ยานออกัสรีบเดินทาง ออกจากสถาการณ์การสู้รบที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แก่พวกพี่ 
" คุณค้นพบจนได้นะ คุณปูกลัวเมีย " เสียงพูดด้วยความชื่่นชมจากมนุษย์ต่างดาวที่มีหน้าตาแบบเดียวกับคุณปูกลัวเมีย แต่ดูสวยงามท่าทางจะเป็นผู้หญิง ชาวดาวกุ๊กกู เธอเป็นใครกันถึงได้มาอยู่โลกมนุษย์ แต่แอบแฝงตนเองอยู่ภายในยานดำน้ำอันลึกลับ ที่ดูแปลกกว่ายานดำน้ำของชาวโลก
โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ้า 
 เดี่๋ยวขอตัวไปอาบน้ำดูละครก่อนนะ วันหน้าค่อยมาต่อ  วันนี้ขอตัวก่อนละกัน
                                                    รักน้องเบ็นท์คนเดียว

วันอังคารที่ 7  กุมภาพันธุ์ 2555
 นี่ก็ใกล้จะถึงวันเช็งเม้งแล้ว   เอ๊ยไม่ใช่ เดี๋ยวก่อนวันนี้วันที่7 อีกเจ็ดวันก็คงเป็นวันสงกรานต์  อ้าวไปกันใหญ่ เออวันที่14  วันวาเลนไท  แหมไอ้เรื่องความโรแมนติกเนี่ยพี่ก็ไม่ค่อยมีหรอกนะ  มีแต่คำว่าจริงใจ และรักอย่างมั่นคงเสมออย่างเดีย   นี่ขนาดโดนน้องเบ็นท์ด่าพี่แรงๆพี่ยังทนได้เลย  (ทนมือทนตีนทนปากได้ดีว่างั้นเถอะ)   แหมก็ความรักเนี่ยนะมันทำได้ทุกอย่าง   ยกเว้นของที่พี่ไม่ชอบพี่กลัว น้องเบ็นท์ก็อย่าเอามาแกล้งพี่อย่างไอ้คำว่า ขี สระอี ไม้โท นั่นนะแหละ เลิกเลย เปลี่ยนมาใช้คำนี้ว่า ทุเรียน ปลาช่อน หรือเทสต์เสียงอะไรก็ได้ที่มันบิ๊วอารมณ์กันหน่อย ไม่ใช่ ไอ้นั่นนะ ไม่ชอบเลย แล้วก็ไอ้ลูกชิ้นเนี่ยอย่าเอามาให้เห็น ยกเว้นลูกชิ้นทอดโอเครับได้  ก็มันมีความหวัง แล้วยังปลาร้าดิบๆอีก แถมยังพวกตับเครื่องใน ก็เลิกเลย ถ้ารักกันจริงอย่าเอามาแกล้งกัน  แค่นีทุกวันนี้ใครๆเขาก็ว่าพี่กลัวน้องเบ็นท์กันทั้งบางแล้ว    วันนี้ก็คงนั่งทำงานชีทคำพยากรณ์แล้วบันทึกเสียงเพลงที่แต่งเอาไว้จะเอาไปจดลิขสิทธิ์เพิ่ม  นี่นะพูดก็พูดเถอะ ถ้าพี่ได้ทุนมาซักห้าหมื่นหรือสองหมื่น ถ้าให้ดี หกหมื่นเลยจะดี  ทำงานเพลงออกมาขายได้ตั้งนานแล้ว เรียกว่าจ้างคนมาช่วยเล่นให้เสร็จครบสิบเพลง แล้ว พี่ก็รอเก็บเงินจากการขายแผ่น การขายโหลดริงโทน และจากค่าลิขสิทธิ์ งานแสดง งานโชว์ตัวตามงานอีเวนต์ เชื่อมั๊ย มันติดตรงนี้จริงๆ  เพลงมีเป็นกะตั้ก แต่ยังเอาทำกินเป็นล่ำเป็นสันไม่ได้เนี่ยมันน่าเจ็บใจมั๊ย  กว่าจะได้ทำคลิปวิดีโอทีก็ต้องรอน้องชายคนที่มีลูกให้ทำให้ที นี่ก็กำลังหาเครื่องใหม่มาให้มันลงโปรแกรมให้ในโน๊ตบุคส์จะได้ทำคลิปให้มันจบไปครบสิบเพลง  ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลยนะ  แต่มันติดที่ทุน ที่เครื่องมือ และบุคลากรเนี่ยแหละ จะให้ไปทำงานประจำที่บริษัทค่ายเพลง ก็ไม่ชอบ บออกได้เลยว่าอยู่ได้ไม่นาน  พี่ต้องศิลปินเดี่ยวทำงานเองคนเดียวไม่เป็นลูกน้องใครถึงจะได้   อีกไม่นานคงจะได้ทำรายการแสดงที่จตุจักรในเวอร์ชั่นใหม่ๆ  ที่คราวนี้ถ้าได้ทำกันจริงๆนะ ก็เล่นกันไปจนแก่เลย แต่พี่คงจะต้องเป็นผู้สร้างผู้บริหารรายการมากกว่าจะเล่นเองทั้งหมด  พอตั้งกองทุน หรือกลุ่มออมทรัพย์ของทีมนักแสดงและทีมงานทั้งหมดได้นะ ก็จะสมบูรณ์แบบเลย  รอเรื่องปัญหาทางการเมืองของกทม.กับการรถไฟให้จบลงซะก่อน    เอ้ามาต่อนวนิยายเรื่องจริงของพี่นิดนึง นะ เพราะเดี๋ยวจะไปสวดมนต์   แล้วดูหนัง เล่นเกมส์แล้วทำงานชีทคำพยากรณ์ เขียนนวนิยายอีกเรื่องให้มันดีขึ้น แล้วก็บันทึกเสียงเพลงอีก  ยุ่งๆจริงเลย    ไม่อยากจะพูดว่า..นะ เพราะว่าทุกวันนี้ที่ยอมเหนื่อยหน้าด้านหน้าทนก็เพราะ..น้องเบ็นท์มากนะ   
จากความเดิมตอนที่แล้ว
" คุณค้นพบจนได้นะ คุณปูกลัวเมีย " เสียงพูดด้วยความชื่่นชมจากมนุษย์ต่างดาวที่มีหน้าตาแบบเดียวกับคุณปูกลัวเมีย แต่ดูสวยงามท่าทางจะเป็นผู้หญิง ชาวดาวกุ๊กกู
เธอเป็นใครกันถึงได้มาอยู่บนโลกมนุษย์ แต่แอบแฝงตนเองอยู่ภายในยานดำน้ำอันลึกลับ ที่ดูแปลกกว่ายานดำน้ำของชาวโลก    โดยมีระบบอำพรางตัวเองจากการตรวจสอบขององค์การทหารระหว่างประเทศ และองค์การอวกาศในแต่ละประเทศได้ ด้วยเทคโนโลยี่อันเหนือชั้น เพราะยานดำน้ำลำนี้มีระบบปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ที่ไม่ก่อปัญหาให้ตรวจพบได้ทางระบบสัญญาณใดๆบนโลกและดาวเทียม และยังมีระบบหลอกการตรวจจับจากคลื่นต่างๆในรัศมี 500 ปีแสง ได้ด้วย ดังนั้นจึงรอดจากระบบการตรวจสอบต่างๆของทุกเทคโนโลยี่ใน 20 ระบบสุริยะจักรวาลนี้อย่างง่ายดาย
   โดยมีเธอ มายี เป็นผู้บังคับการยานลำนี้  พร้อมด้วยลูกเรืออีก 60 ชีวิต เธอเป็นพวกเดียวกับคุณปูกลัวเมียหรือไม่ หรือจะเป็นศัตรูกัน  อันนี้พี่ก็ยังไม่รู้นะ แต่ตามเนื้อเรื่องพี่ต้องปิดเอาไว้ก่อน เดี๋ยวหมดหนุกเด่ จริงมะ
" สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อม เราจะขึ้นบกในอีกสองชั่วโมง "   มายี กัปตันสาวสวยแห่งดาวกุ๊กกูสั่งการให้ลูกเรือทุกคนเตรียมพร้อม   ยานลึกลับ ปรับเปลี่ยนรูปร่างให้กลายเป็นยานบินอันล้ำยุครูปทรงสวยงาม พร้อมบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงทันที
" ยานพร้อมขึ้นสู่ฟ้าแล้วค่ะ "    อาดี  หัวหน้าฝ่ายควบคุมการบินรายงานให้กับ มายีรับทราบสถานการณ์ความพร้อมของยาน
" ปรับให้เป็นความเร็ว 49 มาร์ค ลงจอดเป้าหมายเดิมที่จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย "   มายีกำหนดพื้นที่ลงจอดของยานโดยทันทีเหมือนว่าเธอเคยมาที่พื้นที่นี้หลายครั้ง   จะเป็นไปอย่างมีข่าวการพบวัตถุลึกลับจากต่างดาวบริเวณจังหวัด สระบุรี ลพบุรี และนครสวรรค์ ทำให้มีกลุ่มชมรมเกี่ยวกับสิ่งลึกลับจากต่างดาว ชอบไปรวมตัวกันในพื้นที่ดังกล่าวอยู่เสมอ ใช่มั๊ยนะ  
" คุณแอท  ในที่สุดสิ่งที่ผมค้นหามาก็เป็นจริง คุณคือคนๆนั้น ดังที่เป็นตำนานมาหลายพันปีแล้ว " คุณปูกลัวเมีย กล่าวแสดงความปลาบปลื้มใจกับสิ่งที่เขาค้นพบ เมื่อเห็นในพลังความสามารถอันซ่อนเร้นที่อยู่ในตัวพี่ ซึ่งได้ถูกค้นพบและให้โอกาสแสดงออก  ปลดปล่อยพลังเหล่านั้นออกมาโดยคุณปูกลัวเมีย เหมือนกับเรื่องดนตรี และวิทยาศาสตร์ในตัวพี่ ที่น้องเบ็นท์และพ่อของน้องเบ็นท์ทำให้พี่ได้ปลดปล่อยมันออกมา จึงทำให้พี่เป็นอย่างทุกวันนี้ พี่จึงไม่โกรธเกลียดน้องเบ็นท์และพ่อยังไงล่ะ  แต่บางครั้งมันก็น้อยใจ และเสียใจบ้างแหละนะ  พอคุณปูกลัวเมียพูดจบ เขาก็บังคับยานให้ปรับสภาพแล้วลงจอดในป่าแถวจังหวัดกาญจนบุรี  จุดที่มักมีการค้นพบวัตถุลึกลับมาวนเวียนในน่านฟ้าแถบนี้อยู่เสมอๆ พี่ก็ว่าแล้วมันต้องมีอะไรซักอย่าง  
" ครับคุณแอท ผมมีค่ารถให้คุณ 2,000 บาท ในฐานะที่คุณได้มาช่วยเหลือเรา และต่อไปเราคงจะได้ร่วมมือกัน ผมคิดว่าอีกไม่นานนี้คุณคงจะได้รับการติดต่อจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่มุ่งหมายเพื่อปกป้องโลกใบนี้และทุกสรรพสิ่งในจักรวาลที่ดีๆ   "  คุณปูกลัวเมียกล่าวแสดงความชื่นชมพี่จบและ หยิบยื่นเงินมาให้พี่ด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ว่า 
" เออ คือว่า ผมคิดว่าเงินนี้มันๆ ๆ "  พี่ไม่กล้าพูดแสดงความรู้สึกที่กระดากอายออกไป 
" อ๋อไม่เป็นไรครับถือว่าเป็นน้ำจิตน้ำใจจากผม แล้วเราจะได้พบกันอีกแน่ๆครับ  "  คุณปูกลัวเมียก็ยังยืนยันส่งเงินให้ในมือของพี่อีก แต่ว่าพี่ก็
" เออคือว่า ที่จริงแล้วผม คิดว่าๆ " พี่ก็ยังตะขิดตะขวงใจ ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำพูดออกไปกลัวมันจะทำร้ายใจกัน
" อย่าคิดมากครับ เงินนี้ผมให้ไปเลย ไม่ต้องเอามาคืนหรอก เราเป็นเพื่อนกัน  มีอะไรก็ช่วยกันได้เสมอ"       โอ้แม่เจ้า คำนี้แหละใช่เลย ที่พี่ต้องการ  เข้าทางพอดีเลย 
" ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณปูกลัวเมียยืนยันว่าเป็นเพื่อนกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้ใช่มั๊ยครับ " พี่เอ่ยประโยคที่ทำให้คุณปูกลัวเมียยิ้มแย้มมีความสุขได้
" ครับ เราเป็นเพื่อนกัน แหมร่วมเป็นร่วมตายมาขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คุณแอทนะ ป่านนี้ผมอาจจะตายก็ได้ ครับ เพราะฉะนั้น เต็มที่ครับ เอาไปเลยอย่าคิดมาก ผมรู้ว่าคุณแอทเป็นน้ำใจงาม "  คุณปูกลัวเมียกล่าวคำที่กินใจ ซึ้งใจพี่จะตื้นตันใจเหลือเกิน พี่เลย ๆ 
" ถ้างั้นไหนๆก็ให้แล้วสองพัน  งั้นผมขออีก พันสี่ก็แล้วกัน จะได้พอไปเที่ยวโนอาร์ ซะให้หายอยากเลย ก็ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว จะได้แอบน้องเบ็นท์ไปซะแว้บนึง "  พี่พูดอย่างมั่นใจ คิดว่าคุณปูกลัวเมียคงเข้าใจกัน
" เออๆ แหม ผมลืมดูข้อมูลของคุณแอทไอ้เรื่องระยำพวกนี้ ของคุณ เลยไม่ได้เตรียมทำใจมาก่อน  ไม่นึกว่าข่าวลือในวงการจารชนอวกาศจะเป็นความจริง "   คุณปูกลัวเมียพูดทิ้งท้ายให้พี่สงสัย แล้วก็ควักเงินมาให้พี่มาสี่พันบาทเลย
" เอ้านี่ สำหรับเผื่อค่าไปต่อก้บสาวๆนักศึกษามหาลัยดัง ย่านแกรมมี่นะครับ"  พี่ตกตะลึงเลย รู้ได้ไงเนี่ย ขนาดน้องเบ็นท์ยังไม่รู้เลย 
โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ้าที่รัก  คนสวยหัวเถิก  ตดดังปุ๋งๆ
    คิด...ดถึงน้องเบ็นท์ทุกทีเวลาที่ลมออกตูด


                                                     
                                รักน้องเบ็นท์มากเท่าๆกับรักษ์โลกของเราเลย

จากความเดิมตอนที่แล้ว
หลังจากที่พี่กลับมาจากการผจญภัยในอวกาศ ผ่านการสู้รบ โดยใช้เครื่องมือพิเศษที่เป็นอาวุธอันแสนอัจฉริยะ ชื่อ กาเมร่า  และเจ้าสิ่งนี้ก็ทำให้พี่เกิดการเปลี่ยนแปลง พี่เริ่มเิกิดพลังความสามารถแปลกๆบางอย่างรวมทั้งการระลึกถึงตัวเองในอดีตที่ผ่านมาได้  โดยพี่จำได้ว่า

พี่คือ ณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์ชายหนุ่มนักธุรกิจอิสระ ซึ่งแต่เดิมพี่ก็เป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาในตำแหน่งadmine  และพี่มีความใฝ่ฝันที่ต้องการช่วยเหลือโลก และประเทศชาติ แต่พี่ก็มีเพียงความสามารถด้านการพยากรณ์และงานด้านadmine ที่ทำอยู่ ไม่มีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์หรือมีเทคโนโลยี่พิเศษอะไร และไม่ได้ร่ำรวยอะไรด้วย ทุกวันที่พี่ต้องมาทำงาน ก็ได้แต่คิดว่าอยากจะปราบคนชั่ว แก้ไขปัญหาต่างๆให้ประเทศชาติและสังคมโลก และในวันนี้ก็เช่นกัน ซึ่งเป็นเช้า 08.30 น.ที่ต้องทำงานแล้ว น้องแอ๋มตะโกนเรียก

"ญาณแอท มานี่ซิ  "  เธอท่าทางจะอารมณ์เสียมาก " เวลาให้ทำงานไม่รู้ไปนั่งฝันอะไร จะบ้าหรือเปล่าเนี่ย มานั่งวาดการ์ตูนอีกแล้ว " เธอเดินมาหยิบกระดาษที่ธัชพลกำลังวาดภาพชุดยอดมนุษย์ของเขา ขึ้นมาดูแล้วก็ปาลงไปในถังขยะ  "ไปทำงาน งานนะมีให้ทำไม่รู้จักทำ "

ณัฐพัชรก้มลงเก็บภาพวาดของตัวเองขึ้นมาจากถังขยะแล้วเก็บลงในลิ้นชักเพื่อทำงานตามที่แอ๋มสั่ง

พลันก็เกิดประกายแสงออกมาจากตาของณัฐพัชร แต่ไม่มีใครเห็น  ณัฐพัชรจึงมานั่งทำงานที่โต๊ะ เคลียร์ข้อมูลใบเสนอราคาที่เซลทำส่งมาเพื่อให้เขาคีย์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ ณัฐพัชรแก้ไขข้อมูลใบเสนอราคาอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว ไม่นานนักก็ทำเสร็จ

 

ต่อไปนี้พี่จะให้เพื่อนที่อยู่ในโลกจินตนาการของพี่เล่าเรื่องของพี่ให้น้องเบ็นท์ฟังนะ   

หวัดดีจ้า ผมชื่อป๊อกแป๊กนะครับ เดี๋ยวผมจะทำหน้าที่เล่าเรื่องของคุณณัฐพัชร หรือคุณแอทให้คุณเบ็นท์ ฟังนะครับ สลับกับคุณแอทเล่าผสมสลับกันนะครับ

แอ๋มเรียกให้ณัฐพัชรมาช่วยงานเอกสารการเงินทันทีเมื่อเห็นว่าทำงานเสร็จแล้ว 

" ญาณ มานี่ซิ มาช่วยจัดเอกสารนี่ที เดี๋ยวจะไปที่แผนกบัญชี "

ณัฐพัชร เดินไปที่โต๊ะของน้องแอ๋ม แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆแอ๋ม

" ไม่ให้พักบ้างเลยนะ จะใช้อะไรก็ว่ามาแหมคนสวย "

ณัฐพัชรพูดแล้วสายตาก็มองสบไปที่ดวงตาอันหวานซึ้งมีเสน่ห์ของแอ๋ม ทำให้แอ๋มต้องมองณัฐพัชรด้วยสายตาที่อ่อนโยนและหวานฉ่ำกับเขา

" พี่ญาณ เดี๋ยวน้องแอ๋มจะไปบอกพี่เจี๊ยบเขาเรื่องเอกสารบัญชี " แอ๋มพูดแล้วก็เอามือมาวางที่ไหล่ของณัฐพัชร

" พี่ญาณช่วยจัดให้แอ๋มแบบเดิมนะ จำได้มั๊ยเนี่ย ทำดี เดี๋ยวมีรางวัล"

แอ๋มพูดแล้วอมยิ้มแบบมีปริศนา เหมือนรู้กันกับณัฐพัชรสองคน

" ก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดให้ แล้วอย่าลืมรางวัลนะ  เอาสีแดง นะ "

ณัฐพัชรส่งสัญญาณให้น้องแอ๋ม แอ๋มพยักหน้าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย

แต่ทั้งไก่ เจ้าอ๊อด และก้านสาวน้อยนักขายมือหนึ่งของบริษัทต่างพากันงุนงงไม่รู้ว่าสองคนพูดกันถึงเรื่องอะไร 

เจ้าไก่พูดขึ้นมาทันที

" ตาญาณ จะทำทะลึ่งอะไรกับอีแอ๋มมัน ผมรู้นะว่าพี่ญาณมีแผนไม่ซื่อ " 

ก้านสาวน้อยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาทันทีเช่นกัน

" เดี๋ยวจะไปบอกไอ้ม่วย ว่าญาณนอกใจมัน "  ก้านพูดแล้วขำคนเดียว " เออ ต้องบอกน้องบินด้วยจะดีมั๊ยเนี่ย ว่าญาณมีกิ๊ก "        ณัฐพัชรอมยิ้ม แล้วเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปเข้าห้องน้ำ    

" ฮัลโล แอท ใช่มั๊ย "  เสียงจากโทรศัพท์มือถือ ดังขึ้น แล้วณัฐพัชรก็รับอย่างสงสัย

"เออไม่ทราบ คุณเป็นใครครับ "  

ณัฐพัชรถามอย่างข้องใจ

" ผม เป็นจิตใต้สำนึกของคุณไง "  

ณัฐพัชรทำหน้างง

" คุณอำผมเล่นหรือเปล่าเนี่ย "   " ไม่ทราบว่าคุณจะพูดกับใครครับ"

ณัฐพัชรถามอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แน่ใจ

" ผมคือ เวทวัฒน์ เป็นตัวคุณในอนาคต ก็คุณอยากเป็นอย่างผมไม่ใช่หรือ "

เสียงลึกลับยังคงเอ่ยประโยคที่ทำให้ณัฐพัชรเกิดความสับสนยิ่งขึ้นไป

" ก็คุณต้องการเป็นยอดมนุษย์ผู้มีอำนาจวิเศษ อย่างเป็นฮีโร่ ยอดจารชนคนเก่ง ที่ไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์เดือดร้อนไม่ใช่หรือ "

เสียงนั้นยังคงถามคำถามที่เป็นสิ่งที่ลึกๆ ภายในใจของ ณัฐพัชรคิดอยู่ 

" ใช่ ๆ ผมต้องการเป็นอย่างนั้น คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง ผมไม่เคยบอกให้ใครรู้นี่ " 

ณัฐพัชรแปลกใจกับคำพูดของเสียงลึกลับจากโทรศัพท์มือถือ 

" ปัง ปัง " เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้น เจ้าไก่ ตะโกนเรียกณัฐพัชรที่กำลังอยู่ในห้องน้ำ

" พี่ญาณ เสร็จรึยังเนี่ย ผมปวดท้อง เข้าไปตั้งนานแล้วเนี่ย " ไก่ บ่นโวยวายด้วยความหงุดหงิดทรมาณ ท้องเสียใกล้จะคลอด

" เฮ้ย เสร็จแล้ว เดี๋ยวออกไปแล้ว " 

ณัฐพัชรสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อครู่

" นี่เราฝันไปหรือเนี่ย แอบฝันกลางวันตอนแอ๊บๆเลยเหรอวะ "  

ณัฐพัชรรำพึงรำพันอยู่คนเดียวในห้องน้ำ แล้วเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ ตามเสียงเรียกร้องของเจ้าไก่ ที่กำลังปวดท้องอย่างรุนแรง

" เข้า นานเลยนะ ไม่เกรงใจคนอื่นเขาบ้าง เลย " ไก่บ่นณัฐพัชรเล็กน้อย

ข่าวทีวีในสำนักงานกำลังรายงานสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกปะทะกับกลุ่มโจร 6 คนที่บุกปล้นในบ้านเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล  กลุ่มโจร ถูกไล่ล่า แต่ก็หลบหนีไปได้มาก มีหัวหน้าโจรที่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็หลบหนีออกมาได้ และมีรายงานว่ากำลังหนีมาทางจังหวัดสมุทรปราการ   ทุกคนในสำนักงานเมื่อถึง 5 โมงเย็นต่างก็รีบกลับบ้านกันหมด ยกเว้น 

ณัฐพัชรที่กำลังวาดรูปตัวเองเป็นยอดมนุษย์ และเขียนเรื่องราวของตนเองในคอมพิวเตอร์อย่างสนุกสนาน จน 6 โมงเย็น แล้วเขาก็กลับบ้าน แต่ระหว่างทางเกิดปวดท้องฉี่ มองเห็นป่าข้างทาง เลยลงจากรถก่อน เมื่อเดินเข้าไปในป่า กำลังฉี่เสร็จดี ก็มองเห็นคนนอนสลบอยู่ จึงลองเดินเข้าไปดูปรากฎว่าเป็นหัวหน้าโจร ในข่าวที่เขาเห็นเมื่อตอน 3 โมงเย็น  ณัฐพัชรคิดจะหนี แต่ถูกมือของโจรร้ายจับที่ขาเอาไว้ก่อน แล้วร้องขอให้เขาช่วยที โดยเมื่อเจ้าโจรเห็นหน้าของณัฐพัชรก็ ร้องส่งเสียงดีใจน้ำตาร่วง และพูดว่า เขาเป็นใครบางคนที่อยู่ในจินตนาการของเขา ก็คือ เวทวัฒน์ นั่นเอง   เจ้าโจรรู้จักชื่อนี้ และเรียกเขาว่าเวทวัฒน์อย่างมั่นใจ ณัฐพัชร บอกว่าเขาไม่ใช่เวทวัฒน์ แต่เจ้าโจรกลับบอกว่า เขาเป็นพวกที่เดินทางมาจากอนาคต เพื่อจัดการกับเจ้าเศรษฐีชั่ว ซึ่งหาก ไม่มีเวทวัฒน์ ยอดคนกายสิทธิ์ มาปราบมัน มันจะกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก ที่ทำให้ทั้งโลกต้องเดือดร้อน และเขาก็มาตามหาตัวธัชพล เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเขา คือเวทวัฒน์ ยอดคนกายสิทธิ์ อย่างแน่นอน     ณัฐพัชรตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อเพราะคิดว่าตัวเอง กำลังฝันอยู่อีกแน่ จึงตบหน้าของตนเองหลายครั้ง แต่ก็ปรากฏว่าเป็นความจริง  เขาจึงรีบช่วยปฐมพยาบาล เจ้าโจรร้าย ที่สลบแน่นิ่งไปแล้ว โดยรีบพาไปหาอาหมอที่อยู่แถวสำโรง ณัฐพัชรรีบนำร่างเจ้าโจรขึ้นบนรถแท๊กซี่ที่ผ่านมาพอดี

" พี่ไปสำโรง " คนขับแท็กซี่รีบขับรถไปทันที 

" แล้วไปซอยอะไรละ " แท๊กซี่ถามณัฐพัชรถึงที่จะไปให้ชัดเจน

" ซอยหัวแตกใกล้ศาลเจ้าพ่อทัพ "  

ณัฐพัชรรีบบอก โดยคอยระวังตำรวจที่อาจจะกำลังตามหาเจ้าโจร

ฝ่ายเศรษฐีผู้ทรงอำนาจ นายอิทธิพล ก็สั่งให้ลูกน้องรีบออกไปตามหาหัวหน้าโจรที่หนีไปได้อย่างโกรธแค้น เพราะได้ฆ่าคนของนายอิทธิพลไปมาก

" ไปตามหามันให้ได้ เอามันให้ตาย กูอยากรู้นักว่าใครสั่งให้มันมาทำกับกูอย่างนี้" นายอิทธิพลพูดสั่งการไอ้เทพอย่างแค้นเคือง แล้วพลันเปิดเข้าคอมพิวเตอร์ ส่งอีเมลกับบุคคลลึกลับ แล้วส่งภาพจากกล้องวงจรปิดให้บุคคลลึกลับทางอีเมล

น้องเบ็น ยอดรักของแอทณัฐพัชร กำลังเดินทางกลับบ้านก็ทราบข่าวเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ โดยกลุ่มกองโจรลึกลับ แต่ในใจก็นึกห่วงณัฐพัชรขึ้นมา เพราะรู้ว่าณัฐพัชรเป็นคนชอบทำอะไรเสี่ยงๆ  

" ไม่รู้ไอ้ตาบ้าแอทจะไปทำอะไรเด๋อๆ แถวนั้นรึเปล่า"  เธอรำพึงรำพันคนเดียว

ทางฝ่ายณัฐพัชรที่กำลังพาหัวหน้าโจรไปหาอาหมอ เมื่อมาถึงบ้านอาหมอ ก็รีบนำร่างเจ้าโจรให้อาหมอรีบพาเข้าบ้านก่อน แล้วเล่าเรื่องให้อาหมอฟัง อาหมอจึงเริ่มทำแผลให้เจ้าโจร แต่ยังไม่ทันไร เจ้าโจรก็ฟื้นขึ้นมา แล้วบอกว่าให้หยิบ วัคซีนในกระเป๋าสพายมาฉีดที่แขนของมัน อาหมอจึงนำเอาวัคซีนมาฉีดตามที่เจ้าโจรบอก 

" ไม่น่าเป็นไปได้ บาดแผลค่อยๆ ผสานกันเองอย่างรวดเร็ว " อาหมอมองภาพที่ปรากฏอย่างน่าแปลกใจ พลางมองไปที่

ณัฐพัชร

" คงจะเป็นสารชีวภาพ ที่เร่งปฏิกิริยาอย่างยิ่งยวด โดยใช้เซลล์ของเจ้าของร่างมาช่วยสมานแผล แบบเดียวกับการรักษาแผลโดยน้ำลายของพวกสัตว์ เพราะในน้ำลายจะมีเอ็นไซน์                 นับว่าเป็นเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้ามาก "  อาหมอพูดกับณัฐพัชรอย่างมีนัย

" อาหมอ นี่แสดงว่าที่นายคนนี้พูดเป็นไปได้ใช่มั๊ยครับ " 

ณัฐพัชรถามอาหมออย่างร้อนใจ

" คุณยังไม่รู้อะไรอีกหลายอย่าง แต่ถ้าคุณเชื่อว่าตนเองมีพลัง คุณจะรู้มันเอง                       ผมขอขอบคุณมาก  " เจ้าหัวหน้าโจร พูดจบก็กดปุ่มที่นาฬิกาข้อมือ แล้วร่างของเขาก็เกิดการเรืองแสง แล้วค่อยๆหายไป ท่ามกลางความตกตะลึงของอาหมอและณัฐพัชร

 " อาหมอ ผมฝันไปรึเปล่าครับเนี่ย " 

ณัฐพัชรแปลกใจกับสิ่งที่เขาเห็นอยู่ โดยคิดว่าตัวเองอาจจะฝันอยู่ก็ได้ จึงถามอาหมอ

" หรือว่าเรากำลังอยู่ในความฝัน วะเจ้าแอท ไหนขอเบิร์ดกะบาลทีซิ " ว่าแล้วอาหมอก็ตบหัวณัฐพัชรอย่างแรงทีนึง

" โอ๊ย เจ็บอาหมอ เจ็บจริงแบบไม่ต้องใช้แสตนอิน เลย " 

ณัฐพัชรร้องอุทานด้วยความเจ็บอย่างกวนๆ

" ก้อ เออซิวะ เอ็งก็อยู่กับข้า แล้วจะมาบอกว่าฝันอยู่ได้ไง ข้าว่ามันชักจะยังไงยังไงซะแล้ว นะตัวเอ็งเนี่ย ไหนแลบลิ้นมาดูซิ " ว่าแล้วอาหมอก็จับปากณัฐพัชรอ้าออกมา แต่ณัฐพัชร พยายามหลบหลีกดิ้นรนหนี

" อาหมอ ไม่เอา จะทำอะไรผมเนี่ย " 

ณัฐพัชรดิ้นรน หลบมืออาหมอ อย่างอุดตะหลุด

" เฮ้ย ไอ้แอท อาว่าเอ็งต้องมีดีอะไรอย่างที่ไอ้คนประหลาดนั่นมันพูดมาจริงวะ  " อาหมอจ้องมองหน้าณัฐพัชรอย่างจริงจัง

"แล้วผมจะทำยังไงดีละครับอาหมา เอ๊ย อาหมอ " 

ณัฐพัชรพูดอย่างติดเล่น แต่สงสัยงุนงงจริงๆ

" เอ็งต้องฝึกฝนตัวเอง อย่างที่ไอ้นั่นมันบอก เพราะเอ็งต้องเป็นเวทวัฒน์ เพื่อช่วยโลก " อาหมอพูดพลัน จับมือของ

ณัฐพัชรมาดูเส้นลายมือ แล้วลุกขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ณัฐพัชร ที่ยังทำหน้างงกับสิ่งที่เกิดขึ้น  แล้วก็เอามือแคะขี้มูก มาป้ายโต๊ะ ทำงานของอาหมอ

" เพี๊ยะ  โอ๊ย อาหมอ ตีหัวผมทำไม " แอทร้องเจ็บปวดแล้วเอามือป้องหัว

" มึงเนี่ยไม่เลิกเลยไอ้นิสัย ซกมกเนี่ย โต๊ะทำงานของข้าเนี่ย มึงก็เอาขี้มูกมาป้ายได้  เอ็งนะโตแล้วนะโว๊ย ไอ้แอท "  อาหมอพูดพลันก็หยิบเอาผ้ามาเช็ดขี้มูกของแอทที่เรอะติดโต๊ะทำงานของแก แล้วก็โยนหนังสือเล่มหนึ่งวางบนโต๊ะ ให้ธัชพลเห็น

" เอ้า นี่ เอ็งอ่านซะไอ้แอท แล้วลองศึกษาวิชาพวกนี้ดู เผื่อเอ็งอาจจะเป็นผู้มีความสามารถพิเศษอย่างที่ไอ้คนประหลาดนั่นมันบอกจริง แต่ไอ้ยอดมนุษย์พันธุ์ใหม่แบบซกมก อย่างมึงเนี่ยคงทำให้โลก สกปรกไปด้วยขขี้มูกของมึงน่าดูเลย "

อาหมอพูดจบก็เดินเข้าไปหาของกินในห้องครัว ปล่อยให้แอทอ่านหนั่งสือไปเพียงลำพัง

" เราต้องทำได้ โอกาสมาถึงแล้วนี่ เพื่อน้องบิน เอ๊ย เพื่อโลกด้วย   ฉันต้องเป็นเวทวัฒน์ ยอดคนกายสิทธิ์ ให้ได้ "

ณัฐพัชรวาดฝันอยู่ในใจ นึกถึงตัวเองที่เป็นเวทวัฒน์ ยอดมนุษย์คนใหม่ ที่กำลังยืนอยู่บนหลังคาบ้านคน และตามตึกต่างๆ แล้วก็ เห็นพระจันทร์กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า

" เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น ซิวะ ฉันต้องเป็นยอดมนุษย์ที่เก่งทั้ง พลังเหนือมนุษย์ เก่งแบบเจมส์บอนด์ เก่งทั้งแบบนักธุรกิจ เก่งทั้งแบบนักวางแผนกลยุทธ์ แบบซุนวู หรือขงเบ้ง และเก่งแบบนักวิทยาศาสตร์ แบบไอรอนแมน เอดิสัน ไอน์สไตน์ และเก่งแบบศิลปินดังก้องโลก แต่เป็นเครือข่ายใต้ดินลึกลับ "  

ณัฐพัชรวาดฝันออกแบบการเป็นยอดมนุษย์ของตัวเองในแบบต่างๆ  เขาเริ่มศึกษาตำราของอาหมอ และตำราวิชาแปลกๆต่าง ๆที่ทำให้เขากลายเป็นยอดมนุษย์ให้ได้ รวมทั้งวิชาพยากรณ์แขนงต่างๆด้วย จึงทำให้เขามีความสามารถด้านการพยากรณ์ที่เพิ่มขึ้น เพราะสามารถดูดวงให้ผู้คนต่างๆทั้งที่ทำงาน และคนที่รู้จัก รวมทั้งลูกค้าประจำ และลูกค้าจรได้อย่างเชี่ยวชาญและแม่นยำอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

โปรดติดตามตอนต่อไปนะจัะ

                                                                      ดูแลสุขภาพด้วยนะ




วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555

วันนี้ัมาต่อกันเลยนะ   ตอนนี้พี่ก็นอนแอ่นแอ๊นอยู่บนเตียง กำลังทำธุระส่วนตัวมากๆเลย ไม่บอก ให้คิดเอาเอง  เอ้ามาสนุกกันต่อดีกว่า

ตอน ที่2

" ฮ่า เราทำได้แล้ว  ฉันเก่งอีกแล้ว " 

ณัฐพัชรปลื้มใจกับความเก่ง ของตนเอง แล้วเขาก็กินข้าวผัดกระเพราใส่เห็ดนางฟ้า ใส่มันฝรั่งและแครอท กับองุ่นสีแดง อย่างแสนอร่อย

" ตาญาณ วันนี้ คิดจะทำงานจะได๋ ค่ะ พี่ญาณ " น้องแอ๋ม สาวสวยหวานใจที่ทำงาน เสนอหน้าอันแสนสวยเข้ามาที่หน้าโต๊ะทำงานของณัฐพัชร ที่กำลังอร่อยอยู่กับอาหารที่เขาอุตส่าห์สั่ง มากินเป็นพิเศษจากร้านประจำ

" เดี๋ยวซี่ น้องแอ๋ม ขอพี่ชื่นชมกับอาหารแสนอร่อยเหาะของพี่ก่อน เรื่องงานนะ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพี่หรอกน่า  น้องแอ๋มจะลองกินบ้างมั๊ย ป้อนให้ก้อได้ นะจ้ะ " ว่าแล้วธัชพลก็ตักข้าว ทำทีท่าจะป้อนให้น้องแอ๋มแสนสวย 

" ไปทำหวานแบบนี้ กับน้องเบ็นจะดีกว่า อย่ามาทำเจ้าชู้เอาตัวรอดกับแอ๋มเลย รู้นะว่าพี่ญาณรักแต่น้องเบ็นคนเดียว พวกหนูมันก็แค่ไม้ประดับ หรือ ไม่ก็แก้ขัดไปวันๆ "  แอ๋ม ทำหน้าจ๋อย เมื่อพูดถึงความรักของณัฐพัชรที่มีต่อน้องเบ็นท์็ 

"อย่าคิดมากเลยน้องแอ๋ม พี่ก็ยังไม่รู้ว่า ความรักของพี่กับน้องเบ็นท์จะไปต่อได้ยังไง  เรามาทำงานกันดีกว่า วันนี้น้องแอ๋มจะให้พี่ทำอะไร เดี๋ยวพี่หนึ่งวันชนะมาชวนพี่ออกไปข้างนอกนะ"  

ณัฐพัชรเอามือจับผมน้องแอ๋มคนสวย เพื่อปลอบขวัญ

" วันนี้หนูจะให้พี่ญาณช่วย พิมพ์งานให้10 หน้า เดี๋ยวต้องส่งให้พี่โต้ง ตอนบ่าย เข้าใจ "           น้องแอ๋มพูดจบก็ส่งสายตาหวานโปรยยิ้มให้เหมือนเคยแล้วหยิบงานมาวางที่โต๊ะของณัฐพัชร แล้วมองหน้าเขา

" ก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการให้ ญาณแอทซะอย่างทำได้อยู่แล้ว เอาเลยนะ"  ว่าแล้วณัฐพัชรก็เริ่มลงมือพิมพ์งานอย่างเร่งด่วน โดยใช้เวลาไม่ไม่ถึง 15 นาทีก็เสร็จ อย่างอัศจรรย์  เจ้าก้านกับเจ้าไก่และน้องแอ๋มต่างตกตะลึงในความสามารถที่พิสดารของณัฐพัชร แต่ก็คิดว่าเป็นความฟลุ๊คมากกว่า

" เอาละนี่ไง ที่น้องแอ๋มสั่งให้พี่ทำ เสร็จแล้วครับ เชิญที่รักตรวจงานได้เลย " 

ณัฐพัชรส่งไฟล์ข้อมูลงานมาที่เครื่องของแอ๋ม เพื่อให้แอ๋มตรวจสอบ แอ๋มตรวจสอบแล้วเกิดความอึ้งในความถูกต้องที่เหลือเชื่อ เพราะไม่เคยเป็นได้ขนาดนี้

" วันนี้พี่ญาณ กินอะไรมาเนี่ย " แอ๋มบ่นในใจ เพราะไม่อยากเชื่อในความสามารถของณัฐพัชร

" เก่งขึ้นนี่ พี่ญาณ " แอ๋มแกล้งพูดชมแบบทำเสียงเข้ม แต่ในใจเกิดความวิตกเพราะตัวเองก็ทำไม่ได้แบบนี้แน่นอน

" เฮ้ย อีแอ๋ม พี่ญาณแกทำไม่ผิดเลยหรือ" เจ้าไก่รีบลุกมาดู เพราะไม่เชื่อในความเก่งของณัฐพัชร

" ชัวร์พี่ไก่ พี่ญาณทำได้ถูกหมดเลย "  น้องแอ๋มยืนยันในความเก่งของณัฐพัชร เจ้าไก่ทำหน้างงไม่อยากจะเชื่อ

" เอาละเมื่อเสร็จงานแล้ว เดี๋ยวพี่ไปกลับเจ้าหนึ่งก่อนละนะ " 

ณัฐพัชร โบกมือลาทุกคนแล้วเดินออกจากห้องลงมาข้างล่าง เพื่อไปอาละวาด แกล้ง พนักงานผู้หญิงคนอื่นๆ ตามประสาทะลึ่งตึงตังเหมือนเคย แล้วถูกพนักงานหญิงหลายคนด่า ทุบตี วิ่งตามณัฐพัชร ที่ในมือมีขนมอร่อยๆของพนักงานหญิง หลายคน ติดมือออกมาด้วย พอดีกับที่รถของหนึ่งวันชนะมารับพอดี

" ไปละที่รัก อันนี้ขอพี่รับประทานนะจ้ะที่รัก แล้วจะมาใหม่เมื่อน้องๆต้องการ" 

ณัฐพัชรกล่าวติดตลกก่อนปิดประตูรถ

" ไอ้พี่ญาณเฮงซวย เงินมีไม่ยอมไปซื้อเอง ชอบมาขโมยของชาวบ้านกิน เดี๋ยวกลับมาจะทุบให้ตายเลย " พนักงานสาวๆหลายคนตะโกนโวยวายที่ณัฐพัชรมาแกล้งและหยิบขนมเค้กช๊อกโกแลตไปกินอย่างว่องไว

ณัฐพัชรกับหนึ่งวันชนะเดินทางแล่นรถกะบะของบริษัทไปตามเส้นทางสายบางปู ซึ่งมีทิศทัศน์ของโรงงานอุตสาหกรรม และชุมชน ตลอดจนบรรยากาศธรรมชาติชีวิตริมคลอง ที่เป็นแหล่งปลูกพืชน้ำอย่างเช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด อย่างมากมาย ผู้คนต่างพากันตกปลา วางแห และเก็บผักบุ้งเพื่อนำไปกินและนำไปขายในพื้นที่ที่ได้ราคาดี ณัฐพัชรนั่งมองทิวทัศน์ริมคลองไป แต่ใจก็นึกถึงแต่น้องเบ็นท์หญิงคนรักเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจ ทันใดก็มีเสียงข่าวจากวิทยุ ว่าเกิดเหตุการณ์มีรถชนกันที่บริเวณแถวถนนสุขุมวิท 221 ทำให้ณัฐพัชร ได้สติ

" หนึ่งไม่ต้องขับซิ่งนะ เดี๋ยวซุปเปอร์สตาร์อย่างพี่ไม่ได้แจ้งเกิด" 

ณัฐพัชรพูดแล้วยิ้มให้หนึ่งวันชนะ

"แหมพี่ญาณ ผมขับไม่ซิ่งหรอกพี่ ถ้าพี่ญาณไม่ได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ ผมก็อดรวยนะซี่ " หนึ่งพูดด้วยอารมณ์รื่นเริง รับมุขของณัฐพัชร

" นี่จะไปส่งที่นิคมบางพลีก่อนหรือไป นิคมอมตะนคร เดี๋ยวน้องแอ๋มรอให้พี่จัดเอกสารอยู่ พี่จะได้บอกแอ๋มก่อน " 

ณัฐพัชรถามหนึ่งวันชนะ พรางมองดูเวลา ซึ่งย่างเข้าบ่ายโมงครึ่งแล้ว

" เดี๋ยวเข้านิคมบบางพลีก่อนพี่ญาณแล้วค่อยไปนิคมอมตะ พี่ญาณโทรบอกอีแอ๋มเลย ว่าเข้าช้า ให้มันทำเองไปก่อน ไม่ต้องรอ " หนึ่งวันชนะพูดพลางมองไปที่กระจกรถก่อนจะขับรถเลี้ยว แวะซื้อของกินข้างทาง

" ซื้ออะไรกินกันก่อนมั๊ยพี่ญาณ " หนึ่งวันชนะเอ่ยถามณัฐพัชร เพราะว่าตนเองอยากกินหมูย่างเจ้านี้ ซึ่งมีชื่อเสียงอร่อยและให้เยอะมาก

" เอาซัก2 ไม้ก็ได้ ดีกว่าอยู่เปล่า " 

ณัฐพัชรยิ้มรับ และคิดอะไรได้อย่างขึ้นมาทันที

" พรุ่งนี้วันเกิดน้องเบ็นท์ พุธที่ 27 ธันวาคม พอดีเลย " 

ณัฐพัชรคิดได้ว่ายังไม่ได้ซื้อของขวัญให้น้องเบ็นท์เลย

"น้องเบ็นท์จ๋า พี่คิดถึงน้องเบ็นท์เหลือเกิน " 

ณัฐพัชรรำพึงรำพันอยู่กับตัวเองถึงน้องเบ็นท์หญิงที่เขารักสุดหัวใจ

ทันใดนั้น

ณัฐพัชรก็เห็นภาพเหตุการณ์บางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 20 นาที เขาเห็นคนกำลังจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ณัฐพัชรจึงให้หนึ่งขับรถรีบไปถึงบริเวณสะพานที่ใกล้คลองข้างหน้าให้เร็วที่สุด

"หนึ่งรีบขับให้เร็วกว่านี้ได้ไหม พี่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่ไม่ค่อยจะดี  แถวนี้มีตรงไหนที่อยู่ใกล้สะพานใหญ่อีกบ้างมั๊ย" 

ณัฐพัชรเอ่ยถามหนึ่งวันชนะ แต่สายตามก็พยายามมองหาผู้หญิงที่เขาเห็นในภาพนิมิต

" มีสะพานใหญ่อยู่ข้างหน้านี่แหละพี่ญาณ ไปอีก 2 กิโลเมตรก็ถึง " หนึ่งวันชนะเอ่ยขึ้น

" เฮ๊ย นั่นแหละรีบซิ่งไปเลย หนึ่ง " 

ณัฐพัชรตื่นเต้นและลุ้นในใจ เขาต้องการพิสูจน์ในสิ่งที่เขาเห็นในนิมิตว่าเป็นจริงหรือไม่

หนึ่งวันชนะรีบขับรถบึ่งไปโดยด่วนตามคำสั่งของ

ณัฐพัชร แต่เมื่อไปถึงสะพานก็เห็น ผู้หญิงกำลังวิ่งหนี กลุ่มผู้ชายฉกรร 6 คนมาที่สะพานที่กำลังมีเรือแล่นผ่านมาพอดี เธอกำลังจะกระโดดลงไป

" เฮ๊ยนั่นไงหนึ่ง จอดรถด่วน " หนึ่งรีบจอดรถตามที่

ณัฐพัชรบอก
ณัฐพัชรเกิดความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่รู้ตัว แต่รู้ว่าตัวเองทำได้ และพยากรณ์ได้ว่าชายทั้ง 6คนจะเคลื่อนไหวอย่างไร เขาไม่รอช้า รีบวิ่งโดยเร็ว แล้วกระโดดถีบใส่ชาย สองคนด้วยสองขา แล้วมองไปเห็นหมัดชายอีกคนที่กำลังพุ่งมา สมองของเขาคำณวนได้ว่าหมัดนั้นจะมาทางใดและเร็วแค่ไหน เหมือนกับว่าสมองของเขาเป็นคอมพิวเตอร์ แบบหุ่นยนต์ในเรื่องคนเหล็ก ณัฐพัชร หลบหมัดและสวนกลับไปด้วยศอกและเข่าที่รวดเร็ว จนชายคนนั้นล้มลงไปนอนกับพื้น ชายอีกสองคนพยายามเข้ามาจับตัวณัฐพัชร แต่ณัฐพัชรรู้ว่าข้อมือไหนจะมาถึงตัวเขาก่อน ณัฐพัชรไม่รอช้าจับข้อมือของชายคนขวาเหวี่ยงจนตกลงไปในน้ำ และรีบเตะรวบขาชายอีกคนให้เสียหลัก

" คุณรีบไปที่รถผมด่วนเลย " 

ณัฐพัชร บอกให้ผู้หญิงเคราะห์ร้ายคนนั้นที่กำลังตกใจ รีบวิ่งไปที่รถกะบะของเขา

" หนึ่งถอยรถมารับหน่อยโว๊ย " 

ณัฐพัชรพูดจบรีบหันไปเห็นหมัดของชายอีกคนและมองเห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ กำลังหยิบปืนพกในกางเกงเตรียมจะยิงเขา ณัฐพัชรไม่รอช้าในสมองคำณวนบอกว่าให้รีบจับหมัดของชายอีกคน แล้วเหวี่ยงไปทางชายคนที่เตรียมจะหยิบปืนออกมายิงทันที 
ณัฐพัชรทำตามนั้นอย่างเร็ว ปรากฎว่าได้ผลชายทั้งสองคนล้มลง  ณัฐพัชรไม่รอช้ารีบวิ่งไปเตะยอดหน้าของชายทั้งสองคนพร้อมแย่งปืนขว้างทิ้งลงน้ำทันที แล้วเขากับผู้หญิงคนนั้นก็รีบวิ่งไปที่รถทันที  หนึ่งวันชนะรีบกลับรถแล้วขับหนีออกไปอย่างเร็ว

" พี่ญาณ นึกบ้าอะไรเนี่ย ผมใจหายหมดเลย " หนึ่งวันชนะเอ่ยถามณัฐพัชรอย่างกระหืดกระหอบ เพราะตกใจกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

" เออ ทำไปแล้ว รู้สึกว่ามันต้องทำ " 

ณัฐพัชรนึกถึงตำราที่อาหมอให้อ่านหลายเล่ม แต่ละเล่มมีวิชาพยากรณ์ที่พิสดารเอาไว้มากมาย และยังมีวิชาอื่นๆอีก ซึ่งอาหมอเองก็เคยฝึกแต่ไม่สำเร็จ ทั้งหมด และคิดว่าตนเองฝึกไม่ได้ แต่ณัฐพัชรกลับฝึกวิชาพยากรณ์และวิชาพิสดารเหล่านี้ได้ โดยที่พลังความสามารถบางอย่างก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ณัฐพัชรนึกได้ว่ามีวิชารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าด้วยจิต แต่พลังนี้จะเกิดเมื่อจิตสงบ หรือคิดเรื่องอื่นที่สบายใจอยู่ ทั้งยังมีวิชาพยากรณ์การต่อสู้ ซึ่งสามารถอ่านท่าทางการเคลื่อนไหว และการเคลื่อนที่ของฝ่ายตรงข้าม ได้ว่าจะต้องเป็นอย่างไรตามลักษณะการทำงานของร่างกายในแต่ละส่วน และมุมมอง จุดที่ตั้งของบุคคล กับสถานที่

" คงเป็นเพราะวิชาที่อาหมอให้มามันเกิดทำงานขึ้นในสมองของชั้น " 

ณัฐพัชรพูดรำพึงรำพันคนเดียว

" ว่าไงพี่ญาณ " หนึ่งวันชนะยังข้องใจกับการกระทำของณัฐพัชร

" แล้วผู้หญิงคนนี้พี่จะเอายังไง " หนึ่งวันชนะถามอย่างร้อนใจ

" เออ คุณชื่ออะไรครับ " 

ณัฐพัชรถามผู้หญิงที่นั่งมาในรถ ซึ่งเป็นคนที่เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้

" ชั้นชื่อสายใจค่ะ เดี๋ยวคุณจอดรถให้ฉันลงตรงนี้ก็แล้วกัน " สายใจรีบบอกให้

ณัฐพัชรส่งเธอลงตรงข้างทาง

" คุณแน่ใจว่าปลอดภัยนะครับ " 

ณัฐพัชรยังเป็นห่วงสายใจ

" พี่ญาณ ปล่อยเขาเธอ เดี๋ยวเราจะซวย งานก็ยังไม่เสร็จ แล้วไอ้พวกนั้นมันจะมาจำพวกเราได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

" ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ชั้นน่าจะปลอดภัยแล้ว ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความช่วยเหลือเมื่อสักครู่ "

สายใจกล่าวแค่นั้นแล้วเธอก็รีบลงจากรถ แล้วกดเบอร์มือถือถึงใครบางคน

" ขอให้โชคดีนะครับ " 

ณัฐพัชรกล่าวได้แค่นั้น รถก็แล่นผ่านสายใจไปอย่างเร็ว

กลับมาที่ชายหกคน ที่ถูก

ณัฐพัชรทำร้าย ทั้งหกคน ฟื้นตัวแล้ว และได้ติดต่อกับนายสยาม นักฆ่ารับจ้าง โดยรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ

" ครับพี่หยาม มันเล่นพวกผมซะน่วมเลย มันไปทางถนนสุขุมวิทเส้นบางปูนี่แหละครับ เป็นรถกะบะครับ " 

" แล้วนังสายใจล่ะ " สยามเอ่ยถามอย่างแค้นใจ

" มันคงให้พวกของมันมารับแถวๆนี้หละ  ไม่น่าจะไปไหนได้เร็ว นอกจากมันจะมีฮ.มารับไป" 

ไอ้ศักดิ์พูดถูก เพราะตอนนี้ ฮ.ลำงามกำลังบินมารับสายใจ ทำเอาพวกของไอ้ศักดิ์ตกตะลึงทันที

" ไอ้โง่ ทำไมแค่นี้มันจะไม่มีปัญญาทำได้ พวกแกมันใช้ไม่ได้เรื่อง ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นจะให้ไอ้ไมเคิล เอาฮ.ไปสกัดพวกมันเอง พวกแกรีบตามหาไอ้สองคนนั้นให้ได้ แล้วรีบจัดการมันซะ " พูดจบสยามรีบส่งข้อความทางมือถือให้ ไมเคิลนำฮ.และพรรคพวกไปดักฮ.ของสายใจและพวกทันที

ฮ.ของสายใจและพวกกำลังบินอย่างเร็วก็ต้องมาพบกับฮ.ของไมเคิลที่มีอาวุธพร้อม ฉากการต่อสู้ในอากาศจึงเริ่มเกิดขึ้น ฮ.ของทั้งสองฝ่ายต่างยิงต่อสู้กันไปมา ฮ.ของไมเคิลบินติดตามฮ.ของสายใจ สายใจใช้ปืนกลยิงใส่ฮ.ของไมเคิล พร้อมด้วยจรวดขนาดเล็ก แต่พลาดเป้า พวกของไมเคิลไม่รอช้ายิงตอบโต้กลับทันที แต่ฮ.ของสายใจยังคงหลบได้ และรีบปล่อยควันดำเพื่ออำพรางตัว ก่อนจะบินกลับไปอยู่ด้านหลังฮ.ของไมเคิล แล้วยิงหางเสือของเครื่องจนไฟไหม้ในที่สุด 

"เฮ๊ย รีบยิงตอบโต้มันด้วยเอ็ม79 เลย " ไมเคิลสั่งการลูกน้อง อย่างร้อนใจ

ฮ.ของไมเคิลยิงตอบโต้ แต่พลาดเป้า กระสุนปืนจากฮ.ของสายใจยังคงยิงใส่ฮ.ของไมเคิล อย่างไม่ยั้ง แต่แล้วก็มีฮ.ของตำรวจบินมา 3  ลำ  ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างต้องรีบบินหนีฮ.ของตำรวจแบบไม่คิดชีวิต ฮ.ของไมเคิลบินต่อไปไม่ไหว จึงต้องสละเครื่องใกล้ป่าละเมาะ โดยพวกของไมเคิลต่างรีบวิ่งหนึ่ฮ.ของตำรวจ โดยปล้นชิงรถที่ผ่านมาขับหนีไปได้ ทำให้ฮ.ของสายใจกลายเป็นเป้าหมายของฮ.ตำรวจทั้ง 3ลำ ฮ.ของสายใจพยายามเร่งความเร็วเพื่อหนีฮ.ของตำรวจให้ได้ สายใจตัดสินใจ ยิงปืนใส่ฮ.ของตำรวจแล้วปล่อยควันดำออกมาอย่างมากเพื่ออำพรางฮ.ของตำรวจแล้วบินลง กลางทุ่งใกล้ๆ แล้วระเบิดฮ.ทิ้ง รีบหนีเข้าไปชุมชนที่อยู่ใกล้ทันที ทำให้ฮ.ของตำรวจติดตามไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากซากไหม้เกรียมของเฮลิคอปเตอร์ที่พวกสายใจได้ใช้บินและระเบิดทิ้งแล้ว  รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยรีบมายังที่เกิดเหตุ เพื่อทำการดับเพลิงและเก็บหลักฐาน  สายใจและพรรคพวก ต่างแยกย้ายกันขึ้นรถที่พบเจอในทันที ณ ตอนนั้น

" แล้วฉันจะติดต่อกลับไป ให้บอกเจ้านายว่าฉันจะซ่อนตัวอยู่แถวสมุทรปราการก่อน " สายใจ โทรศัพท์มือถือ ติดต่อกับ สมยศ นักบินที่กำลังหนีตำรวจ ซึ่งได้ขึ้นรถสองแถวไปทางถนนบางนาตราด

" โอเค รักษาตัวให้ดีนะ ยังไงก็อย่าเพิ่งทำอะไรให้พวกมันรู้ได้ " สมยศกำชับ สายใจอีกครั้งอย่างเป็นห่วง

" ไม่มีปัญหา ฉันดูแลตัวเองได้" สายใจพูดจบก็นั่งรถมอเตอร์ไซด์ ไปทางถนนเทพารักษ์ เส้นไปสำโรง

ส่วนทางณัฐพัชรกับหนึ่งวันชนะ เมื่อเสร็จงานก็รีบกลับบ้าน

โดย   ณัฐพัชร แอบไปฝึกซ้อมวิชาคนเดียวเหมือนเดิม ใน ป่าหลังวัดแห่งหนึ่ง  

ณัฐพัชร ต้องมาแอบฝึกวิชาอยู่บริเวณป่าแห่งนี้อยู่เสมอ หรือบางทีก็แอบฝึกอยู่ที่บ้าน เพียงคนเดียวในห้องพระ เมื่อฝึกเสร็จ เขาจึงรีบไปซื้อของขวัญมาให้น้องบินทันที

" น้องเบ็นท์ พี่มีอะไรอยากจะคุยด้วยหน่อยนึง ออกมาหาพี่หน่อยซี่" 

ณัฐพัชร ยืนตะโกนเรียกน้องเบ็นท์อยู่ที่หน้าบ้าน ด้วยท่าทางเขิน สั่น อายๆ เพราะกลัวพี่ลิขิต กับพี่ลิ้นจี่รู้ว่า จะมาจีบลูกสาว ซึ่งตลอดมาณัฐพัชรทำเป็นหยอกล้อ และเสแสร้งงทำตัวเป็นพี่ชาย ไม่เคยแสดงความรู้สึกที่รักชอบน้องเบ็นท์แบบคู่รักให้พี่ลิขิตกับพี่ลิ้นจี่ได้รู้เลย เพราะเจ้าไบร์ทน้องสาวของน้องเบ็นท์เคยพูดว่า

" นี่ พี่แอทรู้มั๊ย มีคนจีบพี่บินเยอะเลย แต่พ่อไม่ยอมให้มาที่บ้าน พี่ลุงแอทคงไม่ได้คิดอะไรกับพี่บินนะ เพราะถ้าพ่อรู้คงไม่ให้พี่ลุงแอทเข้าบ้านแน่ๆ "  คำพูดนี้ทำให้ณัฐพัชรจำต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รักน้องบินอย่างคนรัก

" มีอะไรพี่แอท เรียกอยู่ได้ รำคราญ " น้องเบ็นท์เดินมาเปิดประตูบ้าน แล้วเดินมาที่ประตูรั้ว  หน้าบ้าน ที่ณัฐพัชรยืนรออยู่

" เออ คือพี่มีของขวัญมาให้น้องบิน นี่ไง "  

ณัฐพัชรสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ แล้วพูดออกไป อย่างกล้าๆกลัว ๆ

" น้องเบ็นท์มองดูของขวัญแล้วยิ้ม " ในใจเธอรู้สึกว่าณัฐพัชรเชย แต่ก็ยังอุตส่าห์ซื้อของขวัญมาให้เธอด้วยความจริงใจ

" แล้วแม่กับพ่ออยู่หรือเปล่าเนี่ย ตั้งใจว่าจะเอาผลไม้มาให้พ่อกับแม่ด้วย มีสาลี่กับมะม่วงน้ำดอกไม้ " แล้ว

ณัฐพัชรก็โชว์ถุงใส่ผลไม้ที่เตรียมมาเพื่อเอาใจ ผู้ใหญ่ให้น้องเบ็นท์ดู

" อยู่ ทำไมเหรอ " น้องเบ็นท์แกล้งหยอก เพราะรู้ว่าณัฐพัชรกลัวพ่อแม่ของเธอ

" เออไม่เป็นไร ฝากให้น้าหลาบ หรือน้องแดงเอาไปเข้าตู้เย็นก็แล้วกัน บอกว่าพี่แอทฝากมาให้" 

ณัฐพัชรเสียวสันหลังขึ้นมาทันที จึงออกอุบายสลายตัว แบบชายชาติเสือในทันใด

" กินให้อร่อยนะ  " 

ณัฐพัชรเดินไปหนึ่งก้าว แล้วมองเห็นน้องเบ็นท์ยังยืนมองอยู่ จึงเดินย้อนกลับแล้วพูดว่า

" น้องเบ็นท์ พี่ ร้าก ลาก เอ๊ย ลืมบอกไปว่า สุขสันต์วันเกิดนะ " ที่จริงแล้วณัฐพัชรอยากจะพูดว่า รักน้องเบ็นท์คนเดียว แต่ด้วยความที่ฐานะต่างกัน และอายุที่ต่างกันมาก ประกอบกับกลัวพ่อของน้องเบ็นท์จะไม่ให้เขาเข้าบ้านอีกตลอดไป จึงต้องเปลี่ยนเรื่องพูด แล้วเดินกลับบ้านอย่างเศร้า

" พี่แอท " น้องเบ็นท์ตะโกนเรียกณัฐพัชร แล้วยิ้มนิดนึงอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณมากนะค่ะ " น้องเบ็นท์พูดจบแล้วก็รีบวิ่งเข้าบ้าน เพราะเธอสงสารณัฐพัชรเหลือเกิน ทั้งๆที่ใจของน้องเบ็นทืเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา แต่เธอเองก็ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ เพราะเธอรักพ่อของเธอมาก พ่อว่าให้ทำอย่างไรก็เอาตามนั้น รวมทั้งเรื่องของหัวใจด้วยหรือนี่

 ขณะที่ธัชพลเดินเข้าบ้านนั้น ความรู้สึกบางอย่างของเขาก็เกิดขึ้น เขารู้สึกว่า กำลังมีเพื่อนจากโลกอนาคตกำลังเดินทางมา แล้วในทันใดนั้นเอง

" นั่นณัฐพัชรใช่มั๊ย " 

ณัฐพัชรรับสายโทรศัพท์ที่มีเข้ามา อย่างพอจะรู้ตัว" ใช่ครับ ผมณัฐพัชรเอง " ณัฐพัชรคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนจากอนาคต

" ผมเอง คุณแอทจำได้ไหม คนที่คุณเคยช่วยเอาไว้ ตอนที่ผมบาดเจ็บ " 

ณัฐพัชรฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ

" แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ " 

ณัฐพัชร รู้ว่าพวกจากอนาคตต้องมาปฏิบัติการอะไรซักอย่างแน่ๆ

" ผมอยู่ที่ สนามบินน้ำ ตอนนี้กำลังเดินทางมาที่ตากอากาศบางปู คุณแอทว่างมาพบพวกผมได้หรือไม่ครับ " ชายจากอนาคตพูดไปก็ดูเวลาไปด้วยเพราะใกล้เวลาสำคัญบางอย่างแล้ว

" ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปนะครับ " พูดจบณัฐพัชรก็เดินออกจากประตูรั้ว โดยตะโกนบอกแม่ว่าจะไปธุระเดี๋ยวกลับตอน สี่ทุ่ม

ณัฐพัชรขึ้นรถซอยแล้วต่อรถสองแถวสาย 36 ที่ศูนย์การค้า หน้าโรงเรียนสารพัดช่าง จากนั้นก็นั่งรถต่อไปยังตากอากาศบางปู ในระหว่างการเดินทางนั้นเอง เขาก็มองเห็น ฝูงฮ.4 ลำกำลังบินไปทางตากอากาศบางปูเหมือนกัน เขาคิดว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน

" เมเดย์เรียก ตอนนี้เรากำลังจะถึงเป้าหมายแล้ว พวกมันคงอยู่แถวตากอากาศบางปู ขอให้เอ4 กับเอ6 และที่เหลือกระจายไปโอบด้านข้าง ๆ ก่อน ให้เอ8 ซุ่มรออยู่บริเวณรอบนอก คาดว่ามันอาจจะใช้ยานบินหลบหนีหากมีการปะทะกันขึ้น " ชายในชุดดำ ติดเครื่องหมายแปลกๆ พูดเสร็จก็นำเครื่องร่อนไปยังจุดที่ เครื่องมือของพวกมันจับสัญญาณของพวกจากอนาคตได้ จึงนำเครื่องบินวนไปมาในบริเวณตากอากาศบางปู

" แย่แล้ว ใช่พวกมันอีกแน่ๆ " 

ณัฐพัชรรู้โดยทันที จึงรีบโทรศัพท์แจ้งไปยังพวกชายจากอนาคตให้ระวังตัว

" พวกคุณรู้ตัวแล้วใช่มั๊ยครับ ว่าพวกมันกำลัง ล้อมพวกคุณอยู่ " 

ณัฐพัชรพูดเตือนกลุ่มมิตรจากอนาคต

" เรื่องนั้นผมทราบแล้ว แต่สัญญาณโทรศัพท์ของคุณพวกมันจะจับได้ เดี๋ยวพวกผมจะไปหาคุณเองหากคุณมาถึงแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ" เป็นจริงอย่างชายจากอนาคตบอกจริง พวกชายลึกลับบนเฮลิปคอปเตอร์มีเครื่องดักฟังสัญญาณโทรศัพท์ในย่าน 1 กม.จริงๆด้วย

" เอ1 มีสัญญาณการติดต่อทางโทรศัพท์เข้ามาถึงเป้าหมาย แต่เราจับสัญญาณไม่ทัน คาดว่ามันมีการนัดพบคนสำคัญในบริเวณนี้อย่างแน่นอน " พูดจบชายในชุดดำบนเครื่องเอ 4 ก็ใช้ระบบสแกนภาพจากดาวเทียมตรวจดูภาพในบริเวณตากอากาศบางปูอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อค้นหาเป้าหมาย

" จัดการตรวจสอบให้ทั่วอย่าให้มันพบคนที่มันต้องการได้ " เอ1 สั่งการอีกครั้ง  ป้ายชื่อและเครื่องหมายบนเสื้อของเอ1บ่งบอกว่าแท้จริงพวกเขาเป็นหน่วยงานของรัฐบาลต่างประเทศผู้ทรงอำนาจ แต่มีภารกิจเข้ามาติดตามและจัดการนำตัวอย่างหรือวิทยาการข้อมูลจากสิ่งต่างโลกต่างมิติ และพวกที่มาจากต่างเวลา เพื่อนำเอาไปศึกษาเพื่อพัฒนาทางการทหารและด้านธุรกิจ พวกนี้มีหน่วยงานซ่อนเร้นอยู่เกือบทั่วโลก โดยอำพรางตัวเป็นองค์กรการกุศล และองค์กรทางธุรกิจ รวมทั้งองค์กรทางการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งจะแอบแฝงได้อย่างแนบเนียนที่สุด โดยอ้างเป็นการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือเพื่อการเรียนการสอน  องค์กรพวกนี้ได้แอบทดลองค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และนำเอาทรัพยากรจากประเทศที่ด้อยพัฒนา หรือประเทศที่มีรัฐบาลและประชาชนยังด้อยการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์  ซึ่งรัฐบาลและประชาชนอาจหวังแค่เพียงมีเงิน และธุรกิจจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศโดยไม่ได้สนใจการแอบแฝงอย่างอื่น ที่เข้ามาพร้อมกับการลงทุนนั้นเลย  จึงทำให้พวกองค์กรเหล่านี้มีอยู่มากมายในประเทศที่ต้องการการลงทุนจากต่างชาติ  เช่นในประเทศไทย

" เอ พวกเขาอยู่ที่ไหนกันนะ บอกว่าจะมาหาเราทันทีเมื่อมาถึง " 

ณัฐพัชรบ่นรำพึงรำพัน อยู่คนเดียว แล้วความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น

" เป็นไงณัฐพัชร " มือของชายคนหนึ่งมาแตะที่บ่าของเขาอย่างว่องไว โดยที่ณัฐพัชรเองก็แทบไม่รู้ตัวได้

" อ้าวคุณนั่นเอง ผมก็กำลังมองหา แล้วนี่ไม่กลัวพวกนั้นบ้างเหรอ เห็นฮ.ของพวกมันบินวนไปทั่วเลย " 

ณัฐพัชร พูดไปแต่ตาก็มองขึ้นไปบนฟ้า เมื่อมองเห็นเฮลิคอปเตอร์ของพวกองค์กรลึกลับบินวนไปมา โดยที่เจ้าหน้าที่ทหารก็ไม่สงสัยหรือสนใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการมากกว่า

" ไม่ต้องกลัวหรอกครับพวกผมก็มีดีเหมือนกัน " ว่าแล้ว รถคันหนึ่งซึ่งเป็นรถตู้ของพวกเพื่อนจากโลกอนาคตก็ขับมาถึง

" เชิญขึ้นเลยครับ ไม่ต้องห่วง พวกเรามีระบบอำพรางคลื่นเรดาห์ เหมือนระบบสเตลท์ แต่อาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ " ว่าแล้วณัฐพัชรก็ขึ้นไปบนรถตู้ทันใด

" รัดเข็มขัดด้วยครับ เตรียมพบการผจญภัยได้เลย " แล้วระบบคอมพิวเตอร์ภายในรถก็เกิดการทำงาน สภาพเบาะที่นั่งกำลังปรับตัวเหมือนกับยานบินในหนังฝรั่ง เหมือนกับว่ารถตู้กำลังจะแปรสภาพเป็นยานบินอวกาศเลย

" เมเดย์ นั่นดูภาพจาก รังสีเห็นการเปลี่ยนแปลงของรถตู้คนนั้นมั๊ย มันไม่ใช่รถตู้ธรรมดาแน่ๆ " ชายชุดดำบนเครื่องเอ 4 ตื่นตระหนกกับภาพที่เห็นจากจอภาพในเครื่องบิน

" จัดการยิงมันเลย ใช่แล้วพวกมาจากอนาคตแน่ๆ " เอ1 สั่งให้ เครื่องเอ 4สาดกระสุนปืนใส่รถตู้ไฮเทคคันที่เห็นในจอภาพของเครื่องบินโดยทันที

" ทุกเครื่องโปรดทราบ นี่เป็นคำสั่ง จัดการยิงรถตู้คันนั้นให้หยุด แต่ไม่ต้องทำลายทิ้ง เราต้องเก็บตัวอย่างนำไปยังฐานทดลอง ย้ำห้ามทำลายแค่หยุดพวกมันให้ได้ ทราบแล้วเปลี่ยน " ชายในชุดดำซึ่งดูมีอำนาจที่สุด พูดจบก็สั่งให้เครื่องเฮลิปคอปเตอร์ทุกลำยิงกระสุนปืนใส่รถตู้ที่ณัฐพัชรนั่งอยู่โดยทันที

" ปังปังปังปัง "  กระสุนจากฮ.ยิงไล่หลังรถตู้ทันที " แย่แล้ว จะตายมั๊ยเนี่ย " 

ณัฐพัชรตกใจและตื่นกลัวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

" ไม่เป็นไร เดี๋ยวคอยดู " พูดแล้วรถตู้ก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นยานบินขึ้นฟ้าด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ฝูงบินเฮลิปคอปเตอร์ของพวกชายชุดดำ ต่างรีบเร่งความเร็วให้ทัน แต่ก็ยังห่างไกลกันมาก กระสุนจากเครื่องฮ.ของพวกชายชุดดำยังคงยิงไล่หลังมาอย่างติดๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารในตากอากาศบางปูและบริเวณใกล้เคียงต่างอกสั่นขวัญแขวนมาก จึงมีกำลังรถตำรวจชุดหนึ่งไล่ติดตามมา ด้วย แต่

" บึม " รถตำรวจถูกยิงถล่มด้วยปืนใหญ่จากฮ.ของพวกชายชุดดำอย่างโหดเหี้ยม  ดูเหมือนวิทยาการของตำรวจไทยจะล้าหลังกว่าพวกชายชุดดำเป็นอย่างมาก

" แย่แล้วพวกมันเล่น ถล่มเจ้าหน้าที่ตำรวจกันอย่างโจ่งแจ้งเลย ช่วยพวกตำรวจด้วยครับ" 

ณัฐพัชรเห็นภาพรถตำรวจที่ถูกถล่มจนระเบิดกระจุย ก็เกิดความสงสารจึงขอให้เพื่อนจากอนาคตช่วยเหลือพวกตำรวจโดยด่วน

" เมื่อพี่ขอผมก็จัดให้  เอาไปเลย " ท้ายรถตู้ที่เปลี่ยนเป็นยานบินล้ำยุค ได้เปิดแผงเหล็กออก ปรากฎปืนกล 4 กระบอก แล้วยิงรัวใส่ฝูงบินของพวกชายชุดดำอย่างเมามัน แบบไม่ให้พวกมันได้ตั้งตัว นับ 40 นัดทันที

" นี่เป็นไง โดนซะมั่ง " 

ณัฐพัชรลุ้นการต่อสู้ตอบโต้ของเพื่อนจากอนาคตอย่างสะใจ

" แย่แล้ว เมเดย์ ตอนนี้เครื่องของผมโดนยิงต้องสละเครื่องแล้ว " ชายชุดดำในเครื่องเอ 5 กำลังติดต่อไปยังเครื่องเอ1 เพื่อขอนำเครื่องบินลงเพราะถูกยิงจากรถตู้บินล้ำยุคเมื่อสักครู่

" ใช้ระบบอีเอ็มพี ล๊อคยานบินของมัน ก่อนที่มันจะบินหนีไป " เอ1 สั่งการให้ฮ.ทุกเครื่องรีบใช้ระบบล๊อคเป้ากับยานบินที่ธัชพลนั่งเพราะเกรงว่าอาจจะบินหนีไปได้ในที่สุด

" เกิดอะไรขึ้นครับ " 

ณัฐพัชรตกใจเมื่อยานบินเกิดอาการผิดปกติ

" มันคิดใช้ระบบล๊อคเป้ากับยานของเรา ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันจะต้องดิ่งลงพื้น " ว่าแล้วเพื่อนจากอนาคตก็คีย์คำสั่งอะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ของยานบิน ทำให้เกิดประกายไฟฟ้าแปลกขึ้นทั่วยานบิน แล้วยานบินก็บินดิ่งพุ่งลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝูงเฮลิคอปเตอร์ของพวกชายชุดดำถูกดูดให้เครื่องบินดิ่งลงไปด้วยอย่างรวดเร็วจน ควบคุมเครื่องไม่ได้แล้ว

" รีบสละเครื่องด่วน เราเสียการควบคุมแล้ว เครื่องของเราถูกระบบพลังลึกลับจากยานบินนั้นบังคับเอาไว้ได้แล้ว " เอ1 สั่งการเสร็จ ตัวเองก็รีบกระโดดออกจากเครื่องพร้อมร่มชีชูพแบบใหม่ที่สามารถร่อนตัวได้แบบตัวกระรอกบิน เครื่องเฮลิคอปเตอร์ทุกลำพุ่งดิ่งตกลงพื้นดินจนระเบิดเสียงดังสนั่นไปหลายกิโลเมตร ส่วนยานบินกลับ บินกลับหัวย้อนกลับไปอีกทางก่อนที่จะหายไปอย่างลึกลับด้วยความเร็วเหมือนยานบินในหนังเรื่อง สตาร์วอร์

 " วู๊ มาโผล่ที่ไหนเนี่ย " 

ณัฐพัชรตื่นเต้นกับประสบการณ์การเดินทางด้วยยานบินจากอนาคต

"  โอ้โหรถคันนี้แจ๋วไปเลย" ธัชพลกล่าวออกมาด้วยสนุกสนานและประทับใจกับความพิเศษของรถตู้ที่แปลงร่างกลายเป็นยานบินไฮเทค

" คราวนี้ผมจะบอกเรื่องที่สำคัญให้คุณได้รู้ " เพื่อนจากอนาคตกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง

 

 

 บทประพันธ์เรื่องยอดคนนพเก้า โดยณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์

ห้ามทำซ้ำหรือดัดแปลง และห้ามเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต

สงวนลิขสิทธิ็โดย ณัฐพัชร ทรงรัฐเศรษฐ์

โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ้ัาที่รัก
                                                            



                                                         

Google

Advertising Zone    Close

Online: 7 Visits: 167,136 Today: 31 PageView/Month: 260

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...